อธิบดีกรมการค้าภายใน พาผู้ประกอบการห้างเอกชนพบเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูแล จ.เชียงราย หาช่องทางระบายผลผลิต กระตุ้นราคาในท้องตลาด หลังประเทศจีนงดซื้อผลผลิตจากไทย เพื่อช่วยระบายผลผลิต กระตุ้นราคาในท้องตลาด

เมื่อเวลา 10.30 น. เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน พาผู้ประกอบการห้างค้าปลีกค้าส่ง สถานีบริการน้ำมัน ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงปลูกสับปะรดภูแล ในพื้นที่ ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย และประชาสัมพันธ์กิจกรรมการรับซื้อสับปะรด เพื่อช่วยเกษตรกรระบายผลผลิต กระตุ้นราคาซื้อขายในท้องตลาดให้สูงขึ้น โดยมี นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่ ต.ดอยฮาง และ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ร่วมให้การต้อนรับ

นายสงกรานต์ อภิญญาวิศาล อายุ 54 ปี ประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดพื้นที่ ต.แม่ยาว กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูแลในพื้นที่ ต.ดอยฮาง และ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ขอขอบคุณกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดพันธุ์ภูแล ในเรื่องการระบายผลผลิต ทำให้เกษตรกรพอที่จะสามารถลืมตาอ้าปากได้ โดยก่อนหน้าที่ทางกรมการค้าภายในจะยื่นมือเข้ามาช่วย ราคาสับปะรดภูแลจะตกประมาณ 7-8 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันราคาสับปะรดจะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 12 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่เกษตรกรพอจะได้กำไรบ้าง

...

ในอดีตเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูแลใน จ.เชียงราย จะมีตลาดรองรับ ทั้งการส่งออกไปขายที่ประเทศจีน และส่งจำหน่ายภายในประเทศ แต่ภายหลังประเทศจีนงดรับซื้อสับปะรดของประเทศไทย ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ประกอบกับสับปะรดที่จีนลงทุนปลูกในพื้นที่ สปป.ลาว เริ่มออกผลผลิต และการรับซื้อผลผลิตใน สปป.ลาว จะประหยัดค่าขนส่งมากกว่าการเข้ามารับซื้อในประเทศไทย

กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่ จ.เชียงราย จึงต้องพึ่งพาการส่งขายภายในประเทศเป็นหลัก และเกิดปัญหาราคาตกต่ำมาตั้งแต่ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 จนทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นปัญหาของเกษตรกรและเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยการหาผู้ประกอบการมารับซื้อผลผลิตของเกษตรกรเพื่อนำไปจำหน่าย แปรรูป หรือทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ จนราคาผลผลิตสับปะรดมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

...

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า วันนี้กรมการค้าภายในได้รับมอบหมายจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้มาติดตามการรับซื้อผลผลิตสับปะรดภูแลในพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญ ซึ่งก็คือที่ จ.เชียงราย โดยเราได้ทำสัญญาซื้อผลผลิตจากเกษตรกร จำนวน 16,500 ตัน และได้มีการรับซื้อไปแล้วก่อนหน้านี้ประมาณ 5,800 ตัน ส่วนที่เหลือก็จะทยอยรับซื้อไปเรื่อยๆ โดยรอบผลผลิตปลายปีถึงต้นปีนี้ได้หมดไปแล้ว จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดอีกช่วงหนึ่งประมาณเดือน เม.ย.-มิ.ย. 67 ครั้งนี้กรมการค้าภายในจึงได้นำผู้ประกอบการทั้งผู้แปรรูป ผู้ส่งออก ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ได้แก่ ซีพี แอ็กซ์ตร้า, แม็คโคร, โลตัส, บิ๊กซี, ท็อปส์, เดอะมอลล์ มาพบผู้ผลิต รวมไปถึงยังได้รับความร่วมมือจากห้างท้องถิ่น และรถโมบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะนำผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรไปจำหน่ายถึงมือผู้บริโภค

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน ได้แก่ พีที พีทีทีโออาร์ หรือ ปตท. บางจาก และ เชลล์ ซึ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันที่เข้ามาช่วยรับซื้อผลผลิตในช่วงราคาตกต่ำ ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ซึ่งก็ได้กำชับให้เกษตรกรได้เตรียมพร้อม เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มเกษตรและผู้ประกอบการ ขณะนี้ MOU เดินหน้าไปแล้ว 5,800 ตัน ยังคงเหลืออีกประมาณ 6,700 ตัน โดยประมาณ โดยวันนี้จะเป็นการส่งมอบผลผลิตบางส่วน ซึ่งผลผลิตส่วนหนึ่งจะถูกส่งเข้าโรงงานแปรรูป ส่งออก และบางส่วนก็จะนำไปจำหน่ายผ่านรถโมบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะวิ่งจำหน่ายทุกวัน 100 จุด และลอตนี้จะถือเป็นลอตสุดท้ายของรอบการผลิตแล้ว จะได้ทานกันอีกทีก็เป็นช่วงหลังจากเทศกาลสงกรานต์

...

นายวัฒนศักย์ กล่าวอีกว่า ปีนี้ราคาผลผลิตสับปะรดดีกว่าปีที่ผ่านมา เทียบได้จากปีที่แล้วราคาสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 8 บาท แต่ปีนี้ราคาสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 15 บาท ส่วนราคาต่ำสุดของปีนี้จะเท่ากับราคาต่ำสุดของปีที่แล้ว ถือเป็นราคาที่ดีมากๆ โดยนอกจากมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ที่กล่าวไปแล้ว หากยังมีปัญหาผลผลิตล้นตลาด ก็ยังจะมีมาตรการพิเศษ ก็คือนำสับปะรดไปแปรรูปเป็นน้ำสับปะรดตราพบโชค ซึ่งได้ทดลองดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 1,000 ตัน ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และจำหน่ายออกไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามทางกรมการค้าภายในก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

...

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวด้วยว่า หากมีความจำเป็นจริงๆ กรมการค้าภายในก็จะเข้ามาประสานกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ เพื่อเข้ามาระบายผลผลิตออกสู่ตลาด โดยจะมีพาณิชย์จังหวัดเป็นกลไกหลักที่จะประสานกับเกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ในการบริหารเรื่องราคา และปริมาณของผลผลิต เพราะถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และดูแลการจัดจำหน่ายสินค้าของเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรม และไม่ให้มีการกดราคา

ทั้งนี้ ผู้ที่พบเห็นการกดราคา หรือการเอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกระทรวงพาณิชย์ 1569 และฝากไปถึงร้านค้าต่างๆ ให้ติดป้ายแสดงราคาให้ครบถ้วน หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท หากจำหน่ายสินค้าราคาแพงเกินสมควรจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.