ประธานสหกรณ์โคนมภูพาน ร้อง สส.สกลนคร เขต 5 ช่วย หลังถูกมิลค์บอร์ดตัดสิทธิขายนมโรงเรียนปี 2567 เพราะไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดให้ ชี้ มติที่ออกมากีดกันผู้เลี้ยงรายย่อย และอาจเป็นการล็อกสเปก วอนพิจารณาทบทวนใหม่

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 นายอนุวัติ ลาภมี ประธานสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด พร้อมสมาชิก เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ขอให้เยียวยาความเดือดร้อนในการไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปีการศึกษา 2567 ซึ่งเกิดผลกระทบโดยตรงกับสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด เนื่องจากศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์สกลนครไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ผ่านไปถึงผู้เกี่ยวข้อง เช่น รมว.เกษตรและสหกรณ์, ปลัดกระทรวงเกษตรฯ, อธิบดีกรมปศุสัตว์ เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน

เนื่องจากสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด เป็นสหกรณ์ในโครงการพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) เรื่องการจัดสรรสิทธิพื้นที่จำหน่ายนมโรงเรียน (กลุ่มพื้นที่ 3) ในครั้งนี้ ศูนย์รวมนมสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์สกลนคร ไม่ได้รับการเข้าร่วมจัดสรรสิทธิ พื้นที่จำหน่ายนมโรงเรียน เพราะตกหลักเกณฑ์ ข้อ 5.11 ที่ระบุว่า ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เป็นสหกรณ์/ส่วนราชการ ต้องมีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและโคนมเป็นของตนเอง โดยมีแม่โครีดนมไม่น้อยกว่า 200 แม่ หรือมีนมโคที่สามารถผลิตน้ำนมดิบได้ไม่น้อยกว่า 3 ตัน/วัน

...

ประธานสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีแม่โครีดนมเพิ่มขึ้นจำนวน 201 ตัว ทั้งนี้ ทางสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด รวบรวมน้ำนมดิบและส่งขายน้ำนมดิบให้กับศูนย์รวมนมสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์สกลนคร ตั้งแต่ 28 ตุลาคม 2558 สหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้วยดีเสมอมา สหกรณ์ฯ ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปี การศึกษา 2567 ตามประกาศโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนประจำปี 2567 ไม่มีรายชื่อศูนย์รวมนมสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์สกลนคร ซึ่งสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด ได้ทำ MOU การถ่ายโอนภารกิจ ระหว่างศูนย์รวมนมสถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์สกลนคร ตามพระราชดำรินั้น กับสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน 

นายอนุวัติ กล่าวต่อว่า สหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด รับผิดชอบในส่วนของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบที่รับซื้อกับสมาชิกของสหกรณ์เอง เพื่อขายให้กับศูนย์รวมนมสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์สกลนคร เพื่อไปผลิตนมโรงเรียนส่งขายให้ อบต./เทศบาล ในเขตพื้นที่ใกล้เคียงที่ตั้งศูนย์รวมนมสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการถูกตัดสิทธิพื้นที่นมโรงเรียน เนื่องด้วยในปี 2565 เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ จำนวน 8 ราย เนื่องด้วยต้นทุนอาหารในการเลี้ยงโคนมสูง ทำให้เกษตรกรแบกรับภาระไม่ใหว ต่อมาในปี 2566 สมาชิกสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์อีก จำนวน 14 ราย เนื่องด้วยสาเหตุเดียวกัน ทำให้โครีดนมรวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่โครีดนมส่วนใหญ่เป็นของเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด ซึ่งสหกรณ์เองก็ได้ช่วยเหลือสมาชิกโดยการจัดหาอบรม เรื่อง อาหารลดต้นทุนให้กับสมาชิก และสหกรณ์ยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในธุรกิจรวบรวมน้ำนมดิบ ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ทำให้ธุรกิจรวบรวมน้ำนมดิบขาดทุน 2 ปีติดต่อกัน"

ประธานสหกรณ์โคนมภูพานสกลนคร จำกัด กล่าวด้วยว่า ในทุกเดือน สหกรณ์ฯ ส่งนมโรงเรียนในเขต อ.เมือง จำนวนกว่า 25,000 ถุง ถุงละ 6.89 บาท เป็นเงินวันละกว่า 150,000 บาท ทำให้สหกรณ์ฯ จะมีรายได้จากการขายน้ำนมดิบโดยในปีล่าสุด จำนวน 11,868,668.35 บาท ค่ารับจ้างขนส่งนมโรงเรียนจากศูนย์รวมนมสถานีบำรุงพันธุ์สัตว์สกลนครปีล่าสุด จำนวน 4,619,208.45 บาท สหกรณ์ฯ เองก็นำรายได้ในส่วนนี้มาใช้จ่ายหมุนเวียนภายในสหกรณ์ฯ หากสหกรณ์ฯ ขาดรายได้ใน 2 ส่วนนี้ ก็จะทำให้ขาดรายได้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่งผลต่อเกษตรกรโดยตรง

อย่างไรก็ตาม นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ได้รับฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ได้โทรศัพท์ถึงเลขานุการ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าเรื่องที่กรมปศุสัตว์ได้ออกนโยบายมาใหม่ สร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ถือเป็นการกีดกันผู้เลี้ยงรายย่อย และเป็นการล็อกสเปกอย่างชัดเจน หากไม่มีการแก้ไข หรือทบทวนมติมิลค์บอร์ด เชื่อว่าเร็วๆ นี้จะมีการนำนมไปเททิ้งที่หน้ากระทรวงเกษตรฯ ก็ได้. 

...