เมืองกาญจน์แล้งเป็นเหตุ ที่ ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ ชาวสวนทุเรียนกับชาวบ้านเกิดการกระทบกระทั่งกันจากการแย่งน้ำ จากแหล่งน้ำในหมู่บ้านที่ไม่อาจให้ชาวสวนมาดูดน้ำไปรดสวนอีกต่อไป เพราะต้องสงวนไว้ทำน้ำประปาใช้อุปโภค บริโภค
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดกาญจนบุรี กำลังประสบภัยแล้งอย่างหนัก โดยปีนี้แล้งกว่าทุกปี ที่ต้องประสบปัญหาภัยแล้งติดต่อกัน ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนชาวไร่เดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะชาวสวนทุเรียน ที่อำเภอทองผาภูมิ ในส่วนของเกษตรกรได้เตรียมรับมือภัยแล้งไว้แล้ว โดยการจ้างขุดสระน้ำขนาดใหญ่ไว้ในสวนของตนเองตั้งแต่ 1-3 จุด และขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลไว้ด้วย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาภัยแล้งที่ฝนทิ้งช่วงไม่ตกมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ทำให้เกษตรกรโดยเฉพาะชาวสวนทุเรียนตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ ชาวสวนวิ่งหาน้ำวุ่น หวั่นทุเรียนยืนต้นตาย
ที่ผ่านมาอำเภอทองผาภูมิไม่เคยประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง หรือประสบภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกรในจังหวัด แต่ในปี 2567 จังหวัดกาญจนบุรีได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ในหลายพื้นที่ก็ประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
...
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พื้นที่ที่เรียกได้ว่ากำลังวิกฤติ โดยพบว่ามีเกษตรกรปลูกทุเรียนจำนวนมาก เกือบทุกพื้นที่ มีชาวบ้านเปิดจุดบริการขายน้ำหลายจุด ขณะที่นายวีรศักดิ์ สุขทอง เกษตรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายชยุติ โสไกร ผู้ช่วยเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ เกษตรจังหวัดกาญจนบุรีประชุมผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และเกษตรกรชาวสวนทุเรียน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักเกษตรงานอำเภอทองผาภูมิ ที่ทำการปกครอง หน่วยทหารพัฒนา 11 เพื่อหารือแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งมีผลกระทบต่อผลผลิต ปกติทุกวัน ทุเรียนจะต้องได้น้ำวันละ30 นาที ตอนนี้ให้เพียงวันละ 10 นาที จึงไม่พอสำหรับทุเรียนที่กำลังโต และขณะเดียวกัน ก็มีผลต่อประชาชนผู้ใช้น้ำอุปโภคบริโภคด้วย
นายวรนันท์ สีเฮียง อายุ 59 ปี ชาวสวนทุเรียนตำบลสหกรณ์นิคม กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งนี้มีความรุนแรงมาก ในส่วนของชาวบ้านได้เตรียมพร้อมรับมือกันไว้แล้ว มีการขุดสระเป็นแหล่งเก็บน้ำสำรอง แต่ด้วยฝนแล้ง ไม่ตกต่อเนื่องนานเกือบ 3 เดือน น้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอ จึงต้องออกมาหาแหล่งน้ำตามจุดที่องค์กรส่วนท้องถิ่นมีไว้บริการ แต่ก็มีเพียงจุดเดียว จึงทำให้ชาวบ้านต้องแย่งชิงกันมาเข้าคิวยาวเหยียด ทำให้ไม่ทันการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ปัจจุบันตนต้องซื้อน้ำมาใส่สวนทุเรียนวันละ 60,000 ลิตร คิดเป็นเงิน 6,000 บาทต่อวัน ซึ่งทุเรียนจะต้องได้น้ำวันละ 30 นาที ตอนนี้ให้เพียงวันละ 10 นาที จึงไม่พอสำหรับทุเรียนที่กำลังโต ทุเรียนเสียหายไปแล้ว 50% ภายใน 10 วันนี้ ถ้าฝนไม่ตก ทุเรียนของคงเสียหาย 100%
ด้านเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ภัยแล้งในปีนี้ทำให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียน อำเภอทองผาภูมิ โดยเฉพาะตำบลสหกรณ์นิคม เสียหายอย่างหนัก ณ วันนี้ชาวสวนทุเรียนเสียหายไปแล้ว 50% ถ้าฝนไม่ตกภายใน 10 วันนี้ ชาวสวนทุเรียนอาจเสียหาย 100% ชาวสวนทุเรียนบางรายต้องคัดลูกทุเรียนทิ้ง เพื่อรักษาต้นทุเรียนไว้
...
ขณะที่เกษตรกรรายหนึ่งของตำบลสหกรณ์นิคม กล่าวว่า ตอนนี้แหล่งน้ำที่เคยซื้อถังละ 15 บาท เขาก็ไม่ขายให้แล้ว เพราะฉะนั้นตนจะมุ่งหน้าไปหา นพค.11 ที่ตนเคยขอไว้ ตอนนี้มันวิกฤติมาก คือมันไม่มีน้ำแล้ว ฉันอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลสหกรณ์นิคม หาน้ำให้ไม่ได้ บ้านฉันมี 8 คน มีสวนยางด้วย สวนทุเรียนไม่ต้องพูดถึง มันตายไปหมดแล้ว ตนเองเลยต้องหันมาขายเมี่ยงคำ เพราะมันอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีรายได้
...
ส่วนนายภัทรพล จามพฤกษ์ ปลัดเทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม กล่าวว่า ปกติน้ำในสระของเทศบาล เคยให้ชาวสวนทุเรียนมาสูบน้ำไปรดต้นทุเรียน แต่ในปัจจุบัน น้ำในสระของเทศบาลเหลือน้อย ไม่สามารถให้ชาวสวนทุเรียนมานำน้ำไปรดต้นทุเรียนได้ เนื่องจากต้องเก็บไว้ทำน้ำประปาให้กับประชาชน ภัยแล้งในปีนี้ ทำให้ประชาชนทุกส่วนเดือดร้อน เกิดการแย่งน้ำกันขึ้น.