ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ลุยตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.เมืองโคราช 13 แปลง หลังพบใช้ที่ดินผิดประเภท และพบ 6 เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.มีเอี่ยวกรณีพิพาทที่ บ้านเหวปลากั้ง โดยจะเรียกผู้ได้รับสิทธิ์มาสอบ หากชี้แจงไม่ได้จะดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์

วานนี้ (22 มี.ค. 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ถนนเดชอุดม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) โดยมีนายอำมริต คงแก้ว ปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี รักษาการแทนปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก. (สอบสวน)ฯ กก.3 บก.ปทส, ร่วมกันได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เพื่อดำเนินการตรวจสอบการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ของนายทุนรายใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา พร้อมแจ้งความดำเนินคดีขุดดิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ม.3 (15) โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายทุนรายนี้

...

ทั้งนี้ภายหลังการประชุม ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ของนายทุนใหญ่รายนี้ ในพื้นที่ ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง พร้อมกันนี้ยังได้ตรวจสอบนอมินี จำนวน 13 ราย ที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.แทนนายทุนรายใหญ่รายนี้ ในพื้นที่ ส.ป.ก.13 แปลง เนื้อที่เกือบ 600 ไร่ ก่อนแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปด้วย

จากนั้น ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบแปลงที่ดิน ส.ป.ก. 13 แปลง เนื้อที่กว่า 600 ไร่ และมีผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ 13 ราย โดยพื้นที่ที่ลงไปนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หลังมีตัวแทนชาวบ้านร้องเรียนเรื่องการใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ผิดประเภท ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าในที่ดิน ส.ป.ก. 13 แปลงดังกล่าวนั้น มีการใช้ประโยชน์ที่ดินผิดประเภท ไม่พบร่องรอยการทำการเกษตรตามสิทธิ์ที่ทางเกษตรกรได้แจ้งขอสิทธิ์เอาไว้ คือ การทำบ่อเลี้ยงปลาและการเลี้ยงสาหร่าย พบแต่เพียงการปรับปรุงหน้าดิน ลักษณะร่องรอยเหมือนเพิ่งทำไปไม่นานนี้

ทั้งยังพบว่า น้ำในบ่อพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็น ถ้าดูจากภาพดังกล่าวแล้วพบว่า ข้อเท็จจริงนั้นไม่สามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายหรือทำการเลี้ยงปลาได้ จึงทำให้ทาง ส.ป.ก.นครราชสีมา เตรียมเรียกผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. ทั้ง 13 แปลง เข้าชี้แจงกับทาง ส.ป.ก.นครราชสีมา ซึ่งถ้าเจ้าของกรรมสิทธิ์ทั้ง 13 ราย ไม่สามารถชี้แจงได้ก็จะทำการเพิกถอนสิทธิ์กับผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ทั้ง 13 รายด้วย

นายธนดล กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 13 แปลง พบว่า ได้มีการออกสารสิทธิ์เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 โดยที่ดินทั้ง 13 แปลงนั้นไม่ได้มีการทำการเกษตรตามรายละเอียดที่ยื่นขอเอกสารสิทธิ์คือการเลี้ยงปลาและการเพาะเลี้ยงสาหร่าย พบแต่เพียงน้ำเสียที่ส่งกลิ่นเหม็น ไม่พบเห็นการเลี้ยงปลาและสาหร่ายตามที่เกษตรกรผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ได้แจ้งเอาไว้ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเรียกผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 13 ราย ให้เข้ามาชี้แจงที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ซึ่งถ้าหากชี้แจงข้อเท็จจริงไม่ได้ ก็จะทำการเพิกถอนสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ทั้ง 13 แปลงดังกล่าว 

...

ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังเตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีมาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทั้ง 13 แปลงนี้ด้วย โดยในเบื้องต้นพบว่าในการออกเอกสารสิทธิ์ในครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ทั้ง 6 คน ที่เกี่ยวข้องกับการออกสารสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก.ที่บ้านเหวปลากั้ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง มีส่วนร่วมในกรณีออกเอกสารสิทธิ์ในครั้งนี้อีกด้วย สำหรับในส่วนของร่องรอยการขุดดินนั้นได้มีการแจ้งความกับทาง บก.ปทส.เอาไว้แล้ว ในส่วนของผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 13 ราย นั้นได้ให้ทาง ปปป.จัดการดำเนินคดีข้อหาให้ข้อมูลเท็จกับทางเจ้าหน้าที่ในการออกเอกสารสิทธิ์ รวมไปถึงการสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ฯ กระทำความผิดในการออกสารสิทธิ์ในครั้งนี้อีกด้วย.