รมว.เกษตรฯ เป็นประธานประชุมมอบนโยบายด้านการเกษตรต่างประเทศแก่ทูตเกษตรใน 8 ประเทศ เน้นขับเคลื่อน 5 นโยบายเชิงรุกดันสินค้าเกษตรมีคุณภาพ ไปยังต่างประเทศ เพื่อรักษาตลาดและมุ่งเปิดตลาดสินค้าเกษตร

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือการขับเคลื่อนเชิงรุกด้านต่างประเทศและมอบนโยบายด้านการเกษตรต่างประเทศให้แก่สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ (สปษ.) จำนวน 11 แห่ง ใน 8 ประเทศ โดยมี นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ (Zoom meeting)

การประชุมครั้งนี้ รมว.ธรรมนัส ได้มอบนโยบายขับเคลื่อนเชิงรุกด้านต่างประเทศ 5 นโยบาย ประกอบด้วย 1) เป็นผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในต่างประเทศ 2) เป็นหน่วยงาน Intelligence Unit 3) แสวงหาความร่วมมือด้านการเกษตร 4) แก้ปัญหาและอุปสรรคในการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในต่างประเทศ และ 5) การส่งเสริมและขยายการค้าสินค้าเกษตรในต่างประเทศ เพื่อการขับเคลื่อนการเกษตรต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งสร้างรายได้ภาคการเกษตร 3 เท่าในเวลา 4 ปี อีกทั้งได้มีการเพิ่มสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ (สปษ.) ในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ ประกอบด้วยราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐเกาหลี และสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อรักษาตลาดและมุ่งเปิดตลาดสินค้าเกษตรในกลุ่มประเทศดังกล่าวเพิ่มเติม

...

นอกจากนี้ประเทศไทยมีแผนการเปิดตลาดสินค้าเกษตรกับประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม อาทิ เปิดตลาดมะม่วง ลำไยปลอดสารต้องห้าม และสับปะรดส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดไทย และผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ไข่ไก่ฟักและลูกไก่แรกเกิดส่งออกไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาใบรับรองสุขภาพโดยประเทศสมาชิก EAEU รวมถึงการเปิดตลาดสนใบพาย, ชิ้นส่วนเป็ด และน้ำผึ้งหรือผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งอยู่ระหว่างรอการลงนามในพิธีสารสำหรับการส่งออกสินค้า

สำหรับความคืบหน้าการเปิดตลาดสินค้าประเภทเป็ดปรุงสุก ส่งออกไปยังออสเตรเลีย (ช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค. 66) สามารถสร้างมูลค่ารวมกว่า 35 ล้านบาท ในด้านการเปิดตลาดมังคุดแบบไม่อบไอน้ำส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกมังคุดเพิ่มขึ้นกว่า 59% ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ ประสบความสำเร็จในการเปิดตลาดสินค้าเกษตรร่วมกับประเทศเม็กซิโก ประเภทอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีส่วนประกอบของสัตว์น้ำ หรือสัตว์ปีก และอยู่ในระหว่างการเจรจาขอเปิดตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทที่มีโภชนาครบถ้วนและสมดุลเพิ่มเติมอีกด้วย.