"ภูมิธรรม" ลงพื้นที่อุดรธานี พบปะชาวนา และโรงสี ตามสถานการณ์การผลิตข้าว และรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อนำไปจัดทำมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2566/67 พร้อมเตรียมชง นบข.พิจารณา 4 มาตรการ ให้เกษตรกร และสหกรณ์เก็บสต๊อก ให้สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก และช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 66 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่พบปะกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. อุดรธานี จำกัด จ.อุดรธานี ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ผลผลิตและราคาข้าวเปลือกมาโดยตลอด และได้รับฟังเสียงสะท้อนจากพี่น้องเกษตรกรเรื่องเสถียรภาพราคาข้าว และได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเสถียรภาพราคาข้าวโดยด่วน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ และความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร
ทั้งนี้ได้รับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากเกษตรกร โรงสี และผู้ส่งออกเพื่อนำข้อมูลไปพิจารณาเพื่อจัดทำมาตรการบริหารจัดการข้าวเปลือกนาปี 2566/67 ที่จะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยดูแลเสถียรภาพราคาข้าวให้กับเกษตรกร
...
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทั้งนี้จากการรับฟังความคิดเห็นทั้งจากเกษตรกร โรงสี ผู้ส่งออก ได้มีข้อเสนอเพื่อจัดทำมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก โดยทุกภาคส่วนเห็นว่าควรดำเนินมาตรการสำหรับปีการผลิต 2566/67 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่
1. การเก็บสต๊อกเกษตรกร และสหกรณ์ เพื่อชะลอข้าวเปลือก เป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยช่วย 1,500 บาท/ตัน ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1-5 เดือน และให้นำออกขายเมื่อข้าวราคาดี
2. ผู้ประกอบการเก็บสต๊อก เป้าหมาย 10 ล้านตัน ช่วยดอกเบี้ย 4% เก็บสต๊อก 2-6 เดือน
3. สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก เป้าหมาย 1 ล้านตัน โดยช่วยดอกเบี้ย 15 เดือน ในอัตรา 3.85% สหกรณ์เสียดอกเบี้ย 1%
4. ช่วยลดต้นทุนการผลิต หรือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ ครัวเรือนละ 20,000 บาท
โดยจะได้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในวันที่ 1 พ.ย. 2566
ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และเร่งนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคาดว่ามาตรการที่ให้เกษตรกร สหกรณ์ และให้ผู้ประกอบการช่วยเก็บสต๊อกและเสริมสภาพคล่องจะทำให้ราคาข้าวเปลือกในฤดูกาลนี้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังได้ใช้โอกาสนี้ติดตามการดำเนินโครงการ "พาณิชย์สั่งลุย ลดราคาปุ๋ย" ณ จังหวัดอุดรธานี โดยมีสถาบันเกษตรกรที่สั่งซื้อปุ๋ยในโครงการในลอตแรกที่จะส่งมอบระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคมนี้ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.อุดรธานี 2.สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินบ้านน้ำพ่น 3.สหกรณ์การเกษตรหนองวัวซอ และ 4.สหกรณ์การเกษตรกุดจับ ปริมาณปุ๋ยรวม 1,200 กระสอบ ซึ่งได้มีการรับมอบ และส่งมอบในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการนี้จะยังคงแซงต่อไปจนถึงสิ้นสุดเดือนธันวาคม ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยไปได้สูงสุดกระสอบละ 50 บาท.