เบี้ยหงาย
มวยเสื้อกล้ามหรือมวยสมัครเล่นไทยซึ่งเคยลือลั่นมาในอดีต เป็นกีฬาแห่งความภาคภูมิใจ เป็นกีฬาเดียวที่ไทยเรามีลุ้นมีหวังในทุกเกมไล่ไปตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ยันโอลิมปิกเกมส์และไม่เพียงเราที่หวัง แต่มุมมองของชาติต่างๆทั่วโลก ต่างก็ยกให้เราอยู่ในระดับแนวหน้าทั้งสิ้น
นั่นคืออดีตที่หอมหวาน
แต่ปัจจุบัน และปัจจุบันที่ว่าก็ไม่ได้หมายความถึงเฉพาะแค่ปีสองปีนี้ มันกินเวลามานานพอควรแล้วที่มวยสมัครเล่นหรือใครจะเรียกมวยสากลสมัครเล่นก็ไม่ผิดกติกาต้องหยุดชะงัก จะเป็นก้าวถอยหลัง หรือคนอื่นเขาเดินหน้าวิ่งหนีไปก็ตาม
ซึ่งก็คือปัจจุบันอันขื่นขม
ความเปลี่ยนแปลงในสมาคมกีฬามวยสมัครเล่น จากที่เป็นสมาคมเกรดเอ แย่งชิงหมายมั่นปั้นมือจะเข้ามาทำ มาจนถึงช่วงหลังที่ไร้คู่แข่ง แม้ดูจะสงบเงียบ แต่มุมหนึ่งก็สื่อถึงการขาดผู้ที่จะมุ่งมั่นเข้ามาสร้างชื่อ สร้างผลงาน เพราะการจะได้ชื่อ ได้ผลงาน ย่อมหมายถึงความสำเร็จในกีฬาที่รับผิดชอบ
ในทางตรงกันข้าม หากหวังเพียงเข้ามายึดครอง เป็นฐานที่หวังจะสร้างชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อตัวเองพวกพ้อง หรือบริวาร รวมถึงจะเป็นฐานเสียงเพื่อส่งต่อไปยังโครงข่ายกีฬาอย่างคณะกรรมการโอลิมปิก หรือบริบททางสังคมอื่นๆก็ตาม หากผลออกมาตรงข้าม แม้เพียงไม่พัฒนาขึ้น ย่ำอยู่กับที่ก็เสียหายแล้ว ยิ่งหากตกต่ำลง จะเป็นสิ่งทำลายชื่อเสียงอย่างย่อยยับ
ปัจจุบันสมาคมกีฬามวยฯอยู่ในความรับผิดชอบของ พิชัย ชุณหวชิระ นายกสมาคมซึ่งท่านมาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2557 เข้ามาหลังเกิดปัญหาระหว่าง ไอบา กับ มวยสมัครเล่นไทย ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงที่ไอบาหรือสหพันธ์มวยสมัครเล่นนานาชาติ ตกต่ำเกิดวิกฤติศรัทธามีปัญหากับไอโอซี หรือคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ที่มีเรื่อยมาจนปัจจุบันการคัดเลือกมวยไปชกในกีฬาโอลิมปิก “ไอโอซี” ก็ดึงมารับผิดชอบเองแล้ว
ไม่อยากเปรียบเทียบ ไม่อยากย้อนไปสู่อดีตที่รุ่งเรือง วางกรอบกันที่การเข้ามารับช่วงดูแลมวยสมัครเล่นไทยของทีมงานสมาคมชุดปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2557 มาจนถึงปัจจุบันก็กว่า 6 ปีแล้ว แม้จะมีการปรับทีมกันบ้างตามสมควรก็ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้นายกสมาคมคนเดิม
6 ปีเป็นเวลาที่นานทีเดียว แต่เมื่อมองถึงผลงาน เราทำได้แค่ระดับซีเกมส์ และจำนวนที่ได้ก็ไม่ใช่เป็นตัวเลขที่น่าภาคภูมิใจแต่อย่างไร แค่หามุมคุยเพื่อให้ผ่านๆไปเท่านั้น
ทั้งๆที่จริงๆแล้วสมาคมกีฬามวยฯยุคนี้ หาเงินเก่ง มีคอนเนกชันสูง เครือข่ายล้วนระดับวีไอพีทั้งสิ้น เมื่อปัจจัยเรื่องเงิน เรื่องการสนับสนุนไม่มีปัญหา มันจึงอยู่ที่เรื่องเดียวคือการขาดความรู้ความเข้าใจ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ อันรวมอยู่ใน “คน” หรือนัยของ “ทีมงาน”
เชื่อว่าคนในแวดวงมวยเสื้อกล้ามเอง หรือ แม้กระทั่งสื่อกีฬาที่ไปสัมผัสคลุกคลี รับรู้ได้มาโดยตลอดถึงปัญหาเรื่องคน คนที่แวดล้อม ซึ่งแน่นอนย่อมต้องมีทั้งคนที่รู้ และคนที่ไม่รู้ อยู่ที่จะเลือกฟัง เลือกเชื่อคนไหน
พลันที่มีข่าวจาก ฮวน ฟอนตาเนียล เฮดโค้ชทีมชาติไทย ที่อดีตเคยสร้างผลงานไว้เป็นที่ประจักษ์ ออกมาเปิดเหตุผลถึงการลากำปั้นไทย มีการแทรกแซง และวิพากษ์ถึงคนแวดล้อม ก็ยิ่งตอกย้ำกับสิ่งที่มีการรับรู้กันมาก่อนหน้านี้
นี่จึงเป็นจุดที่ต้องทบทวน และคิดกันใหม่
เงินมี ทำไม่เป็น แถมไปเลือกเชื่อใจคนที่ไม่รู้ หลงลมปากกันไปเรื่อย ไม่ก่อให้เกิดผล
ต้องคิดใหม่และทำใหม่
ถ้าไม่แก้ไข ทำไม่ได้ จะยึดสมาคมไว้ทำไม...
"เบี้ยหงาย"