กัญจน์
เรียกได้ว่า ตั้งแต่ปลายปี 2018 ต่อเนื่องมาตลอดปี 2019 จนถึงต้นปี 2020
วงการยกลูกเหล็กไทย โดนพระศุกร์เข้าพระเสาร์ แทรกอย่างไม่หยุดหย่อน เจอปัญหารอบด้านสารพัดหนักหนาสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาจากหลายส่วน ในเรื่อง สารต้องห้ามในนักกีฬา
ทว่า สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ยืนกรานหนักแน่น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่อย่างใด
ยิ่งในเรื่องล่าสุด เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ที่สื่อเยอรมนีตีแผ่สารคดีดังไปทั่วโลก เป้าหมายหลักโจมตีการบริหารงานของ ทามาส อาจัน ประธานสหพันธ์โลก ที่มีปัญหา
แต่ไทยเราก็โดนหางเลขไปด้วย เมื่อสื่อเมืองเบียร์แอบมาถาม ศิริภุช กุลน้อย อดีตทีมชาติ ที่ทำงานอยู่ในฟิตเนสแห่งหนึ่ง ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ช่วงชิงแชมป์โลก เมื่อปีที่แล้ว
ก็มีประเด็น เรื่องสารต้องห้ามในนักกีฬา อีกเช่นเคย คราวนี้ถูกอ้างว่ามีการพูดถึงการใช้สารโด๊ปในนักกีฬาตั้งแต่อายุ 13 ปี อยู่ด้วย
เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ !!!
และแน่นอน ทราบถึงองค์กรกีฬาใหญ่สุดอย่าง คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ที่มีการพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในที่ประชุมใหญ่ไอโอซี ที่สวิตเซอร์แลนด์
ประกอบกับเมื่อต้นปี พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีกีฬา นำคณะไปเข้าพบ โธมัส บาค ประธานไอโอซี ถึงสำนักงานใหญ่ แดนนาฬิกา
เพื่อแสดงถึงความตั้งใจของไทย ในการเสนอตัวจัดมหกรรมกีฬายูธโอลิมปิก 2026
แต่บทสนทนาในวันนั้น ทำให้ผู้บริหารกีฬาไทยไม่สามารถอยู่เฉยได้ เมื่อบาคระบุว่า คงไม่สามารถให้ไทยจัดกีฬาใดๆของไอโอซีได้ หากเรื่องของสารต้องห้ามในประเทศ ยังไม่หมดไป
นั่นทำให้เป็นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ ที่กระทบเข้ามาถึงสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯอย่างจัง
นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมยกลูกเหล็ก ซึ่งล่าสุดได้ “บิ๊กปรัช” นายปรัชญา กีรตินันท์ มาทำหน้าที่แทน “มาดามบุษ” นางบุษบา ยอดบางเตย เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการประชุมใหญ่ ประจำปี 2563 ที่โรงแรมทาวน์ อิน ทาวน์ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ นางบุษบากล่าวไว้ว่า สมาคมได้ทราบว่า นักกีฬามีปัญหา ถูกตรวจพบสารต้องห้าม ในรายการชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2018
อีกทั้งอดีตนักกีฬาทีมชาติเหรียญโอลิมปิก ถูกสื่อเยอรมนีแฝงตัวเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมกีฬายกน้ำหนัก ก่อนที่จะมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นจริงว่า มีการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬาอายุ 13 ปี
และข่าวได้เผยแพร่ออกไปทั่วโลก
ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและเสื่อมเสียต่อวงการกีฬายกน้ำหนัก และวงการกีฬาของไทย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง
ในกรณีดังกล่าว ก็ได้มีการตรวจสอบจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาก็ไม่เจอว่ามีการใช้สารต้องห้าม
ทว่า การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง จากการถูกกล่าวหา ต้องใช้เวลาพอสมควร
“ดังนั้น สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ให้กีฬายกน้ำหนัก และวงการกีฬาไทยเดินหน้าต่อไปได้ จึงได้ลาออก ไปเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา” นางบุษบากล่าว
ขณะที่นายปรัชญา ซึ่งอดีตเคยเป็นเลขาธิการสมาคมเมื่อ 15 ปีก่อน ได้กล่าวถึงการทำงานในช่วง 4 ปีนับจากนี้ไปว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ตนได้อาสาเข้ามาทำงานเพื่อวงการยกน้ำหนักไทย
โดยนโยบายในการทำงานหลักๆต้องยอมรับว่าโครงสร้างการบริหารงานของคณะกรรมการชุดก่อน ทำได้ดีอยู่แล้ว นักกีฬาก็มีการฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา เป้าหมายสำคัญที่ต้องทำให้ได้ คือการผลักดันนักกีฬาให้กลับไปแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 พร้อมกับคว้าเหรียญรางวัลมาครองให้ได้
เพื่อความสุขและรอยยิ้มของแฟนกีฬาทั่วประเทศ
ส่วนคณะกรรมการบริหารก็จะเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นส่วนใหญ่
ขณะที่ปัญหาเรื่องสารต้องห้าม ที่มีการพูดถึงกัน นายปรัชญากล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาคมมีการอบรมให้ความรู้ในการป้องกันการใช้สารต้องห้ามอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
หากตนได้รับการรับรองให้ทำงานอย่างเป็นทางการ ก็จะทำหนังสือถึงทั้งสหพันธ์เอเชียและสหพันธ์นานาชาติ รวมถึงองค์กรกีฬาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ยืนยันว่า สมาคมต่อต้านเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางการบริหารงานของ “บิ๊กปรัช” นายปรัชญา นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ คนใหม่ ที่ถือว่าท้าทายไม่น้อย กับการที่จะต้องนำพาวงการยกเหล็กไทยให้ก้าวผ่านมรสุมต่างๆนานา
ให้กลับมาเป็นกีฬาความหวังของชาวไทย
เหมือนเดิมให้ได้...
กัญจน์ ศิริวุฒิ เรื่อง