ไทยรัฐฉบับพิมพ์
หลังจาก “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับความไว้วางใจจากสโมสรสมาชิกให้ทำหน้าที่เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯต่ออีกครั้ง เป็นสมัยที่ 2
ในระหว่างที่รอการรับรองอย่างเป็นทางการจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะนายทะเบียน ได้วางแผนการทำงานในช่วง 4 ปีนับจากนี้เอาไว้เป็นที่เรียบร้อย
โดย พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยกับ “ฮอตสปอร์ต” กราวกีฬาไทยรัฐว่า แนวทางการทำงานหลักๆได้วางไว้ทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน
ประการแรก สานต่อนโยบายการทำงานเดิม ให้เป็นไปตามแผนพัฒนากีฬาฟุตบอล 20 ปี ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ มีแบบแผนและยั่งยืน ข้อต่อมา ผลักดันการสร้างศูนย์กีฬาฟุตบอลแห่งชาติ จากการสนับสนุนงบประมาณ 500 ล้านบาทของคิง เพาเวอร์ และข้อสุดท้าย สะสางคดีความที่ฟ้องร้องระหว่างสมาคมฯกับบุคคล เอกชน และนิติบุคคลต่างๆให้เสร็จสิ้น
ขณะเดียวกัน ก็ได้มอบหมายให้อุปนายกฯ รับผิดชอบงานด้านต่างๆควบคู่กันไปด้วย
เช่น นายอรรณพ สิงห์โตทอง ที่คลุกคลีกับการสร้างนักเตะเยาวชนมาตลอด ก็ได้มอบให้วางระบบบริหารจัดการลีก และฟุตบอลรายการต่างๆ ของเด็กให้เหมาะสมมากขึ้น ไม่ให้โปรแกรมต่างๆ ทับซ้อนกัน โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการจัดปฏิทินการแข่งขันใหม่ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเตรียมทีมชาติรุ่นต่างๆเหมือนที่ผ่านมา นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ จะให้ช่วยดูโปรแกรมจัดการแข่งขัน ฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วย นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ รับผิดชอบฟุตซอล ฟุตบอลชายหาด และ นางสาวศิริมา พานิชชีวะ ดูฟุตบอลหญิง เป็นต้น
นอกจากนี้ ในส่วนของการเตรียมทีมชาติไทย ก็ได้ให้ฝ่ายเทคนิคทำงานหนักมากขึ้นในการวางแผน ศึกษาเทคนิค วิธีการเตรียมทีม การซ้อม การแข่งขัน กำหนดวิธีการใหม่ขึ้นมา เพื่อทำให้เป็นแนวทาง และทิศทางเดียวกันของทีมชาติทุกชุด ว่าเทคนิคใด การซ้อมแบบใดที่เหมาะกับสรีระของนักเตะไทย มากที่สุด
ทำให้เกิด “ไทยสไตล์” ขึ้นมาให้ได้
เมื่อได้สไตล์ที่ลงตัวที่สุดแล้ว ก็จะกำหนดเป็น หลักสูตรอบรมโค้ช ภายใต้การรับรองของเอเอฟซี ที่มีระบบแบบแผนที่ชัดเจน เพียงแต่หลักสูตรของเรา จะมีความเป็นไทยผสมเข้าไป ก่อนที่จะนำหลักสูตรดังกล่าวเผยแพร่ไปในสโมสร โรงเรียน อะคาเดมี และมหาวิทยาลัยแห่งต่างๆ
จะมีอากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชช้างศึก และ การ์เลส โรมาโกซา ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ทำงานร่วมกัน
ส่วนความคืบหน้าการสร้างศูนย์กีฬาฟุตบอลแห่งชาติแห่งใหม่ ภายในศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พล.ต.อ.สมยศ เล่าว่า ตนได้พูดคุยกับ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ในเรื่องของการหาพื้นที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไปก่อนหน้านี้
ก่อนลงนามเอ็มโอยูกับ กกท. ให้สมาคมฯ เข้าไปใช้พื้นที่ 150 ไร่ ในระยะเวลา 20 ปี เมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว
ทว่า ต่อมา กกท.แจ้งว่า ยังติดขั้นตอนการสอบถามสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถึงการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการสร้าง ซึ่งเดิมตกลงกับกรมทางหลวงในการทำเป็นสนามกอล์ฟ ว่าทำได้หรือไม่
“เมื่อเป็นเช่นนี้ สมาคมฯได้หาทางที่จะช่วยแก้ปัญหา เตรียมที่จะทำหนังสือไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความอนุเคราะห์ และแจ้งถึงอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้หน่วยงานต่างๆได้ประสานการทำงานกัน”
อย่างไรก็ตาม หากติดขัดจริงๆ ก็มีแผนสำรอง โดยได้ประสานไปทาง ม.เกษตรศาสตร์ ในการขอ ใช้พื้นที่ในวิทยาเขตที่เห็นว่าเหมาะสมในการสร้างศูนย์กีฬาฟุตบอลแห่งชาติต่อไปแล้ว
ด้านประเด็นการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก ในระยะยาว 8 ปีนั้น พล.ต.อ.สมยศ บอกว่า กำลังอยู่ในขั้นตอนที่บริษัทของไทย และอีกบริษัทต่างชาติกำลังจดทะเบียนเป็นบริษัทร่วมทุน กันก่อนที่จะดำเนินการเซ็นสัญญากับสมาคมฯ
ในเร็วๆนี้
“ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากกว่านี้ บอกได้เพียงแค่ว่าค่าลิขสิทธิ์จะมากกว่าเดิม และแฟนบอลจะได้รับชมในทุกแพลตฟอร์มอย่างแน่นอน ส่วนการเซ็นสัญญาคาดว่าคงมีขึ้นหลังจากที่ผมได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว” บิ๊กอ๊อดกล่าว
ทั้งหมดนี้เป็นทิศทางการทำงานของ พล.ต.อ.สมยศ ภาค 2 ที่จะเกิดขึ้นในวาระการทำงานใหม่ โดยยืนยันหนักแน่นในตอนท้ายว่า
“4 ปีจากนี้ต้องดีกว่าเดิม”
“ขอกำลังใจจากทุกฝ่ายในการทำงาน หากต้องการที่จะให้เกิดการพัฒนาฟุตบอลไทยที่ยั่งยืน ต้องใช้เวลา” นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯกล่าวย้ำในตอนท้าย
4 ปีที่ผ่านมา เราๆท่านๆเห็นกันแล้วว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง และ 4 ปีนับจากนี้ไป จะเป็นอย่างไร ยังต้องรอติดตามกันต่อไป
เมื่อครบ 8 ปีเมื่อไหร่ ค่อยกลับมาประเมินกันอีกครั้งว่าการใช้ “เวลา” ในการบริหารงานของ พล.ต.อ.สมยศคุ้มค่าเพียงใด
เป็นเวลาที่น้อยเกินไป หรือมากเกินไปแล้ว...
กัญจน์ ศิริวุฒิ เรื่อง
ณรงค์วิทย์ ศรีวัฒนา ภาพ