ไทยรัฐฉบับพิมพ์
และแล้วก็มาถึงซึ่งวันส่งท้ายปี 2560 เวลาเดินหน้าไปเร็วแค่ไหน แวดวงกีฬาไทยเราก็ต้องเร่งสปีดตามไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และแน่นอนว่าตลอดปีที่กำลังจะผ่านพ้นมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย
นอกจากมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติที่มีขึ้นในปีนี้อย่าง ซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงในช่วงเดือน ส.ค. โดยที่ทัพไทย พลาดเป้าเจ้าเหรียญทอง ได้เพียงแค่รองแชมป์ ทำไปได้ 71 เหรียญทอง 84 เหรียญเงิน 88 เหรียญทองแดง ส่วนแชมป์เป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เจ้าภาพมาเลเซีย ที่ได้เปรียบคู่แข่งหลายอย่าง โกยเหรียญไปได้สนุกมือ เพราะหลายๆอีเวนต์จัดเพื่อปูทางให้ตนเองประสบความสำเร็จอยู่แล้ว โดยทำได้มากถึง 145 เหรียญทอง 92 เหรียญเงิน 86 เหรียญทองแดง ฉลองกันไปทั้งประเทศ ส่วนไทยเราที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็มีการพูดถึงสาเหตุกันทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งโทษตัวเอง และกล่าวโทษคนอื่นอยู่เพียงพักเดียว ทุกอย่างก็เงียบหายไป!
แต่ยังมีปรากฏการณ์สำคัญๆที่นักกีฬาไทยก้าวไปประสบความสำเร็จในเวทีโลก รวมทั้ง บุคลากรกีฬาของเราขยับขึ้นไปเป็นคีย์แมนในวงการกีฬาระดับนานาชาติ และประเทศไทยได้จัดงานกีฬารายการใหญ่ที่ทำเอาชาติอื่นๆอิจฉาตาร้อนไปตามๆกันก็มี โดย “กราวกีฬาไทยรัฐ” ได้คัดเลือกปรากฏการณ์เด่นๆมา 5 เรื่อง บันทึกไว้ในความทรงจำ...
เริ่มที่ปรากฏการณ์แรกกับ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกจาก อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ถือเป็นนักมวยขวัญใจชาวไทยที่ดังที่สุดในยุคนี้ จากชัยชนะที่ช็อกโลกและสร้างความสะใจให้กับแฟนมวยชาวไทยทั้งประเทศด้วยการคว่ำ “โรมัน กอนซาเลซ” นักชกไร้พ่าย ยอดมวยจากนิการากัว ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ในถิ่นลุงแซม โดยไฟต์แรก ในการชิงแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวทของสภามวยโลก เมื่อ 19 มี.ค. 2560 ที่เมดิสันสแควร์ การ์เดน นครนิวยอร์ก ซึ่งศรีสะเกษชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ นำเข็มขัดแชมป์โลกกลับเมืองไทย
ก่อนที่ 6 เดือนต่อมาจะย้ำแค้นอีกหน ในการป้องกันตำแหน่งครั้งแรกกับคู่ปรับเก่าหน้าเดิม โรมัน กอนซาเลซ เมื่อ 10 ก.ย. 2560 ที่สตับฮับ เซ็นเตอร์ เมืองคาร์สัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยการชนะน็อกแบบหายสงสัยในยกที่ 4 ชนิดกองเชียร์ขอบเวทีตาค้างไปตามๆกัน
ชัยชนะของ “เจ้าแหลม” ทั้ง 2 ครั้ง ถือเป็นการสร้างชื่อให้กับประเทศไทยบนเวทีโลกอย่างกึกก้อง รวมไปถึงทำให้วงการมวยโลกของไทยตื่นตัวและมีคุณค่าในสายตาระดับโลกขึ้นมาทันที ที่สำคัญถือเป็นใบเบิกทางชั้นยอดให้กับนักมวยคนอื่นๆ ที่ต้องการไปโกอินเตอร์ในถิ่นลุงแซม ที่หลายคนเรียกว่า “เมกกะมวยโลก” ที่ถือว่าแจ้งเกิดได้ยากหากฝีมือไม่เก่งหรือเจ๋งจริง และที่ผ่านมาก็ยังไม่มีนักชกไทยคนไหนที่สามารถเรียกใจจากแฟนมวยเมืองลุงแซมได้มากมายขนาดนี้เลย
วันนี้ “เจ้าแหลม” หรือ ส.ต.ต.วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก ไม่ใช่ได้ใจแค่แฟนมวยชาวไทยเท่านั้น แต่เขายังสามารถเรียกใจของแฟนมวยทั่วโลกได้อย่างไร้ข้อกังขา โดยเฉพาะกองเชียร์นิการากัวที่ตอนแรกมองเราเหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาตก็หันกลับมาซูฮกยกย่องให้เราเป็นฮีโร่ขึ้นมาทันที รวมถึงคำสบประมาทต่างๆนานา ที่เคยมีขึ้นจากชัยชนะในครั้งแรกที่ว่าเราฟลุกหรือชนะแบบไม่เด่นชัดเท่าไหร่ ก็กลับกลายเป็นกัลยาณมิตรและกองเชียร์ที่ดีเวลาที่ “เจ้าแหลม” ขึ้นชกอีกด้วย
สำหรับโปรแกรมต่อไปของ “เจ้าแหลม” จะป้องกันแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวทสภามวยโลกสมัยที่ 2 ไฟต์ที่ 2 กับรองแชมป์โลกอันดับ 1 ฮวน ฟรานซิสโก เอสตราดา อดีตแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท 2 สถาบันของสมาคมมวยโลก และองค์กรมวยโลก ชาวเม็กซิกัน ใน “ศึกซุปเปอร์ฟลาย 2” วันที่ 24 ก.พ. 2561 ที่เวทีเดอะฟอรัม อิงเกิลวูด แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นสังเวียนเก่าที่ “หมานข้าวมันไก่” สมาน ส.จาตุรงค์ อดีตแชมป์โลกชาวไทยเคยฝากผลงานกระหึ่มโลก ด้วยการน็อก “ฮุมเบอร์โต กอนซาเลซ” มาแล้ว เมื่อ 16 ก.ค. 2538
ไฟต์นี้ถือเป็นอีกครั้งที่สำคัญของเจ้าแหลม เพราะถ้าผ่านด่านหินสุดหฤโหดรายนี้ไปได้ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นนักชกไทยคนแรกที่จะไปโกยเงินล้านเหรียญบนเมกกะมวยโลกแบบไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป เฉกเช่นเดียวกับซุปเปอร์สตาร์เอเชียอย่าง “เดอะแพ็กแมน” แมนนี ปาเกียว ยอดนักชกตากาล็อก ที่ออกไปโกยดอลลาร์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมาแล้ว...
เรื่องถัดมาเป็นข่าวดี เมื่อประเทศไทยได้สิทธิ์จัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะผลักดันให้มีการจัดรถยนต์สูตรหนึ่ง หรือเอฟวัน บนถนนราชดำเนิน แต่ด้วยความที่สถานที่และองค์ประกอบอื่นๆของเรายังไม่เอื้อ ไม่พร้อม โครงการนี้จึงต้องพับเก็บไป จนมาถึงยุคของ “บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก็มีการเปลี่ยนแปลงแนวทาง เพราะมองว่าเอฟวันใหญ่เกินตัวไปหน่อย แต่ถ้าเป็นศึกโมโตจีพียังพอมีความเป็นไปได้ จากนั้นเดินเรื่องขอความเห็นจากคณะรัฐมนตรี และประสานกับดอร์นา สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. หลังจากนายสกล พร้อมด้วย พ.ท.รุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ เป็นตัวแทนเดินทางไปเจรจากับ มร.คาเมโล เอสเปเลตา ซีอีโอของดอร์นา สปอร์ต เป็นเวลา 3 ชั่วโมงระหว่างการแข่งขันที่สนามมูเจลโล เซอร์กิต ประเทศอิตาลี ผลปรากฏว่า ดอร์นา สปอร์ตได้เห็นถึงความตั้งใจของทีมงานจากเมืองไทย ตกลงมอบสิทธิ์ให้ไทยเป็นเจ้าภาพโมโตจีพี อย่างเป็นทางการ โดยถือสิทธิ์จัด 3 ปี 2018-2020
ล่าสุด ในปฏิทินการแข่งขัน กำหนดให้ไทยจัดในสนามที่ 15 จากทั้งหมด 19 สนาม ในวันที่ 5-7 ต.ค. ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยที่ในวันที่ 16-18 ก.พ. จะจัดให้มีการทดสอบสนาม หรือวินเทอร์เทสต์ อันเป็นการเตรียม พร้อมก่อน ซึ่งจะมีนักบิดชื่อดังทั้ง “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี และ มาร์ค มาร์เกวซ มาร่วมแข่งขันเป็นการเรียกน้ำย่อยด้วย และยังจะมาโชว์ฝีมือให้เห็นในช่วงแข่งอีก เรียกว่าเป็นงานใหญ่อีกงานของไทย ที่คาดว่าจะมีผู้ชมทั้งการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และเดินทางมาเกาะติดถึงขอบสนามเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้ประเทศอีกไม่น้อย
ปรากฏการณ์ต่อมา เป็นผลงานของนักกีฬาไทยในเวทีโลกอีกครั้ง เมื่อ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักหวดวงสวิงสาวไทย วัย 22 ปี ก้าวขึ้นไปเป็นมืออันดับ 1 ของโลกอย่างยิ่งใหญ่ แต่กว่าที่จะได้ขยับไปสู่จุดสูงสุดของการเทิร์นโปร ทั้ง เอรียา และแฟนกอล์ฟชาวไทยต้องลุ้นกันแบบใจหายใจคว่ำ
โดยหลังจากแอลพีจีเอคาดการณ์ว่า โปรไทยรายนี้จะขึ้นมืออันดับ 1 ของโลก ในวันที่ 5 มิ.ย. เนื่องจากลิเดีย โค มือ 1 ของโลกคนเดิมจากนิวซีแลนด์ ไม่ได้ลงแข่ง 2 รายการซ้อน และริว โซยอน ไม่ผ่านตัดตัวกอล์ฟรายการช็อปไลต์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ก่อนหน้า แต่ผลคาดการณ์กลับผิดพลาดแบบเต็มๆ เอรียายังอยู่อันดับ 2 ของโลกเหมือนเดิม โดยมีคะแนนตามหลัง ลิเดีย โค เพียง 0.01 คะแนนเท่านั้น โดยโคมีคะแนนสะสมเฉลี่ยอยู่ที่ 8.37 คะแนน ส่วนโปรเมมี 8.36 คะแนน
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ถัดมา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. “โปรเม” เอรียา ก็สมหวัง แถมยังทำผลงานยอดเยี่ยม คว้าแชมป์กอล์ฟแอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ แมนูไลฟ์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ที่ประเทศแคนาดา มาครองได้สำเร็จ ซึ่งนอกจากจะเป็นแชมป์รายการแรกของปี 2017 แล้ว ยังทำให้เธอได้คะแนนไปแบบเต็มๆ ผงาดขึ้นไปเป็นมืออันดับ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการ จากการประกาศของแอลพีจีเอ แซงหน้าลิเดีย โค ขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อย เล่นเอาโปรเอรียาถึงกับน้ำตาคลอ ดีใจได้เฮ 2 เด้ง ทั้งนี้ แม้จะอยู่ในอันดับ 1 ของโลกเพียงช่วงสั้นๆ โดยหล่นจากอันดับลงไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. แต่ก็ถือเป็นประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทยที่ต้องบันทึกเอาไว้ว่าเธอเป็นนักกอล์ฟอาชีพคนแรกของไทยและอาเซียนที่ทำได้!
จากนั้นเป็นความน่าภาคภูมิใจ เป็นเกียรติอย่างสูงสุดของวงการกีฬาในอีกมิติ โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ในการประชุมใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี ครั้งที่ 131 ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู ซึ่งมี โธมัส บาค ประธานไอโอซี เป็นประธานการประชุม ได้ลงมติรับรองสมาชิกของไอโอซี ประเภทบุคคล ซึ่งมีผู้ถูกเสนอชื่อ 9 คน โดยมี เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ ของอังกฤษ เป็นประธานกลั่นกรองชื่อเข้ามา ผลปรากฏว่า คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้รับการรับรองด้วยมติเอกฉันท์จากชาติสมาชิกกว่า 200 ประเทศให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว
นับว่าคุณหญิงปัทมาเป็น 1 ใน 3 ของสุภาพสตรีที่ได้รับการรับรองในครั้งนี้ และยังเป็นคนไทยคนที่ 4 และเป็นหญิงไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่งทรงเกียรติ ต่อจากจอมพลประภาส จารุเสถียร, พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ และ ดร.ณัฐ อินทรปาณ ที่จะหมดวาระไอโอซีเมมเบอร์ ประจำประเทศไทย ในเดือน มี.ค.ปีหน้า โดยที่คุณหญิงปัทมา ซึ่งรับตำแหน่งในขณะที่อายุ 52 ปี สามารถเดินหน้าทำงานในฐานะไอโอซี เมมเบอร์ ประเภทบุคคลไปได้จนถึงอายุ 70 ปี ตามระเบียบของไอโอซีเลยทีเดียว
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ชีค อาหมัด อัล ฟาฮัด อัล ซาบาห์ ประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือโอซีเอ ยังได้ลงนามแต่งตั้งคุณหญิงปัทมา เป็นกรรมการที่ปรึกษาโอซีเอคนใหม่อีกด้วย เรียกได้ว่ามีตำแหน่งทั้งในระดับเอเชียและระดับโลก ซึ่งชาวกีฬามั่นใจได้เลยว่าผู้แทนของไทยจะสร้างคุณประโยชน์ต่อวงการกีฬาโลกและวงการกีฬาไทยได้อย่างมากมายแน่นอน
และปรากฏการณ์ส่งท้าย เมื่อวันที่ 22 ต.ค. แบดมินตันของไทย ก็สร้างชื่อกระฉ่อนโลกต่อเนื่อง เมื่อ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่หนุ่มดาวรุ่งวัย 16 ปี คว้าแชมป์แบดมินตันเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปีชิงแชมป์โลก 2017 ที่ประเทศอินโดนีเซียมาครอง โดยรอบชิงชนะเลิศเอาชนะ จุน เหา เหลียง จากมาเลเซีย ไปได้ 2-1 เกม สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวไทยคนแรกที่ได้แชมป์เยาวชนโลกได้สำเร็จ
โดยถือเป็นประเภทที่ 4 ของไทย ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้ต่อจากหญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ปี ค.ศ.2009-2011, คู่ผสม “เอ” มณีพงศ์ จงจิตร กับ “นา” รจนา จุฑาบัณฑิต-กุล ปี ค.ศ.2009 และชายคู่ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน ปี ค.ศ.2014
สำหรับอนาคตของกุลวุฒิยังเปิดกว้าง ยังมีโอกาสทำผลงานได้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก โดยเฉพาะยังมีเวลาป้องกันแชมป์เยาวชนโลกได้อีกถึง 2 ครั้ง สามารถเดินตามรอยของรัชนก ที่เคยได้แชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยติดต่อกัน อีกทั้งยังจะเป็นกำลังหลักของทีมชาติไทย ในมหกรรมกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศอาร์เจนตินา เดือน ต.ค.ปีหน้าได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ เป็น 5 ปรากฏการณ์ที่โดดเด่นในรอบปี 2560 เชื่อว่าแฟนกีฬาคงได้รับความสุข ความภาคภูมิใจจากความสำเร็จของนักกีฬาไทยในประเภทต่างๆ ซึ่งถึงเวลานี้ ไทยเราติดลมบนในเวทีระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่บุคลากรกีฬาของไทยก็ได้รับการยอมรับ ได้ทำงานทั้งในองค์กรสูงสุดด้านกีฬาของโลก และในระดับเอเชีย รวมทั้งยังได้เป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาสำคัญๆอยู่ในปฏิทินของการแข่งขันที่คนทั่วโลกต้องติดตาม
ได้แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าปรากฏการณ์ด้านกีฬาในปีถัดๆไป จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ไปตลอด ไม่เพียงจะสร้างความคึกคัก ความตื่นตัว
ยังสะท้อนได้ว่าวงการกีฬาไทยมีพัฒนาการก้าวไปตามวงล้อแห่งเวลาที่ไม่หยุดนิ่ง...
"กราวกีฬาไทยรัฐ"