หน้าแรกแกลเลอรี่

คุยกับ 'ยอดสนั่น' เส้นทางของนักสู้ที่ยังไม่มีวันสิ้นสุด

PUN ABBEYROAD

19 ก.ย. 2560 06:00 น.

เนื่องจากช่วงวันที่ 13-17 กันยายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA ในศึก วัน แชมเปียนชิพ ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และได้มีโอกาสพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับ ยอดสนั่น ศิษย์ยอดธง หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ยอดสนั่น 3 เคแบตเตอรี่ เลยอยากมาแชร์ต่อให้แฟนๆ กีฬาได้อัพเดตเรื่องราวของอดีตแชมป์โลกมวยสากล รุ่นซุปเปอร์เฟเธอร์เวท WBA รายนี้ที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นนักสู้ MMA อย่างเต็มตัว...

ผมเดินทางมาถึง NAM Center Hotel Kemayoran กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ช่วงบ่ายๆ ของวันที่ 15 กันยายน จากนั้นได้คุยกับ ยอดสนั่น วัย 43 ปี ด้วยบรรยากาศแบบเป็นกันเอง 

ปัจจุบันในการซ้อม MMA มีเทคนิคอะไรที่ฝึกซ้อมเป็นพิเศษบ้าง?

"ก็มีการฝึกการต่อสู้ในท่านอน ตรงนี้จะฝึกมากกว่ามวยไทย เพราะว่าเรายังไม่ค่อยเก่งเรื่องทางบนพื้นสักเท่าไหร่ ส่วนจุดเด่นของเราก็คือหมัด"

เริ่มคุ้นเคยกับการมาต่อยมวยกรงมากน้อยแค่ไหนแล้ว?

"ก็เริ่มดีขึ้น เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น เพราะว่าบรรยากาศกับเวทีมันแตกต่างกัน เพราะบนเวทีมวยเราใช้เชือกพิงได้ แต่อันนี้มันไม่ได้ไง มันเป็นกรง มันก็เลยแตกต่างกัน แต่ก็เริ่มคุ้นเคยขึ้นแล้ว"

วางแผนเอาไว้ยังไงกับการชก MMA?

"เราวางแผนเป็นไฟต์ต่อไฟต์มากกว่า เพราะว่าเราไม่ได้มองถึงระดับแชมป์ ทำให้มันดีขึ้นทุกไฟต์ เรารู้ว่าเราได้ประมาณไหน เพราะว่าเราผ่านเวทีมาเยอะแล้ว และอายุเราก็เริ่มมากขึ้นด้วย เราแค่มองไปทีละไฟต์ ดูร่างกายเรามากกว่า ไม่ได้กำหนดว่าต้องชกไปอีกนานแค่ไหน ถ้ามันมาถึงจุดที่พอแล้วก็คงจะพอ แต่ตอนนี้ร่างกายก็ยังดีอ่ะ ยังไม่รู้สึกว่าเราเบื่อที่จะซ้อมที่จะชก ยังสนุกอยู่ ยังทำได้อยู่ แม้จะไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็โอเค ก็รู้สึกดีที่ได้ออกกำลังกาย ได้ซ้อม ร่างกายที่ไม่โอเคคือรู้สึกว่าก่อนที่จะกลับมาชกที่นี่แหละ รู้สึกว่าร่างกายเรามันจะแย่ ถ้าเราไม่ออกกำลังกายมันก็จะไม่ดี รู้สึกว่าเดินขึ้นสะพาน เฮ้อ เหนื่อยจัง ไม่เหมือนกับเราฟิตๆ พอดีตอนนั้นมันมีรายการ วัน แชมเปียนชิพ ครั้งแรกที่เมืองไทย แล้ว เดชดำรงค์ เพื่อนของผมเขาก็ชวนว่า เอามั้ย เอามั้ย พอเจ้านายได้ยินก็บอกว่าผมว่าเอาป่าว ผมเลยขอเวลา 2 อาทิตย์ ถ้าโอเคค่อยว่ากัน แล้วพอผมวิ่งอาทิตย์นึง ร่างกายเรายังโอเคหนิ ก็เลยตอบตกลง แล้วเขาก็หาคู่ให้"

อยากฝากคำแนะนำอะไรให้กับ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น นักชกขวัญใจชาวไทย ที่เพิ่งป้องกันแชมป์โลกรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท สภามวยโลก หรือ ดับเบิลยูบีซี (WBC)?

"ผมคิดว่านักมวย ถ้าคุณมีความมุ่งมั่น ผมว่ามันสู้ได้ทั่วโลก มันไม่ใช่ว่าคุณจะไปบ้านเขาแล้วกลัวแพ้ ไม่แพ้หรอก คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าหากว่าคุณซ้อมเกินร้อย รับรองว่าคนไทยก็เก่งไม่แพ้ใครหรอก เพราะว่าส่วนมากที่เมืองไทย พูดตามตรงเลยว่ามันเป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่า แต่ถ้ามีการสนับสนุนร่วมกัน ผู้หลักผู้ใหญ่ผลักดันนักมวย ส่งนักมวยไปโกอินเตอร์ ผมคิดว่าเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ผมในฐานะอดีตแชมป์โลกรุ่นพี่ ขอฝากถึงน้องศรีสะเกษ เพราะว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน คนจังหวัดศรีสะเกษเหมือนกัน ผมก็ติดตามเขาชกมาตลอด ก็ถือว่าเป็นนักมวยที่ลำหักลำโค่นใช้ได้คนหนึ่ง แต่ต้องสั่งสมประสบการณ์อีกหน่อย ผมเชื่อนะว่าศรีสะเกษทำได้ สู้ได้ทั่วโลก เพราะว่าหนึ่งเลยคือหัวใจที่มีความเป็นนักสู้ 100 เปอร์เซ็นต์ สองคือเขามีความทะเยอทะยานที่อยากจะเป็นเบอร์ 1 แล้วก็ขอให้น้องรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้อย่างนี้ และพยายามมีระเบียบวินัยให้มากที่สุด นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของนักมวย ผมเชื่อว่าเขาจะทำชื่อเสียงให้เมืองไทยอย่างมหาศาล"

มีอะไรอยากจะฝากถึงชาวไทยให้หันมาดูมวยกรงมากขึ้น?

"ก็อยากจะฝากแฟนมวยชาวไทยนะ ว่ามันไม่ใช่กีฬาใหม่หรอก อาจจะใหม่ที่เมืองไทยแต่ที่อเมริกาเขามีมาตั้งหลายสิบปีแล้วล่ะ มันเป็นกีฬาผสมผสาน สามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิดกีฬาเลย บางคนดูแล้วมองว่าโหดร้าย ป่าเถื่อน ผมว่ามันไม่ใช่หรอก เพราะทุกกีฬามันก็มีกติกาของมันอยู่ ถ้าเราฝึกให้เกิดความชำนาญ ทุกกีฬามันก็ไม่อันตรายแน่นอน กีฬาทุกชนิดสู้กันด้วยหัวใจ สู้กันเกินร้อย เอาเป็นเอาตาย แต่พอลงมาก็คือเพื่อนกัน"

น่าติดตามเหลือเกินว่าเส้นทางบนสังเวียน MMA ของ ยอดสนั่น จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ผมเชื่อว่าแฟนๆ ชาวไทยก็คงจะส่งกำลังใจให้เขาอย่างเต็มที่แน่นอน

PUN ABBEYROAD