เบี้ยหงาย
สมราคา “เดอะ เซลส์แมน” ขึ้นปกนิตยสารไทม์ นายกรัฐมนตรีประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน โดดเด่นเป็นสง่า เปิดหน้าเปิดประเทศไปทั่วโลก ส่วนใครจะปลื้มมาก ปลื้มน้อย หรือหมั่นไส้น้อย หรือมาก ก็สุดแล้วแต่
และไม่เพียงจะดึงภาคธุรกิจ ยังรวมถึงอีเวนต์กีฬา อย่าง “รถแข่ง” โดยทำท่าจะเหมามาทั้ง “ฟอร์มูลาอี” กับ “ฟอร์มูลา วัน” ซึ่งถือเป็นสุดยอดของโลกจนเป็นที่ฮือฮาอยู่ตอนนี้
“ฟอร์มูลา อี” นั้น การแข่งขันรถล้อเปิดที่นั่งเดี่ยวที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นหนึ่งในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) จัดเป็นครั้งแรกที่กรุงปักกิ่ง เมื่อปี 2014 ก็เข้ากับธีมรถไฟฟ้า (EV) ที่รัฐบาลกำลังสนับสนุน แถมยังไม่มีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ปิดเมืองแข่งได้ ปัจจุบันมีทีมเข้าร่วม 11 ทีม นักแข่ง 22 คน และรถแข่ง 22 คัน แบรนด์ใหญ่ๆร่วมวงด้วย
โดย “บิ๊กนิด” ได้เข้าหารือกับ Jean Todt อดีตนักแข่งรถ, อดีตผู้บริหารบริษัท Ferrari และประธานสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA) ถึงบ้านพักที่ฝรั่งเศส สนใจจะดึงมาจัดที่เชียงใหม่ หวังเกิดได้ปีหน้าเลย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมให้การสนับสนุน
ส่วน “ฟอร์มูลา วัน” นายกรัฐมนตรี ระหว่างอยู่ที่ฝรั่งเศสก็ได้พูดคุยกับ Stefano Domenicali ผู้บริหารบริษัท Formula One Group ผ่านการประชุมแบบออนไลน์ โดยหารือถึงแนวทางการจัด “ฟอร์มูลา วัน” ในเมืองไทย โดยฝ่ายผู้จัดชี้ว่ามีความเหมาะสม และจะรีบมาสำรวจสถานที่ในประเทศไทยทั้งเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ท่านนายกฯ ยังได้เชิญผู้บริหาร “ฟอร์มูลา วัน” เดินทางมาประเทศไทยเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการเสนอให้ประเทศไทยเป็นที่จัดแข่งในปี 2027 ด้วย
การติดต่อครั้งนี้ แม้ใช้เวลาไม่นาน แต่เมื่อระดับนายกรัฐมนตรี “เดอะ เซลส์แมน” คนนี้เป็นผู้ดำเนินการเอง ย่อมมีน้ำหนักมหาศาล!
แม้ว่าในอดีตจะมีความพยายามมาแล้วกับ “เอฟ วัน” และเคยมีแนวคิดกับ “ฟอร์มูลา อี” แต่ครั้งนี้ดูหนักแน่น ออกหน้าขนาดนี้ ไม่ต้องตีความ หรือตั้งคำถามกันว่าจะเอาจริงหรือไม่
ทั้งตัวอีเวนต์เองนั้น ก็ไม่ต้องสงสัยถึงความยิ่งใหญ่ และเป็นระดับท็อปของโลก ประโยชน์เกิดขึ้นแน่ และเกิดในหลากหลายมิติด้วย ไม่ใช่แค่กีฬาหรืออีเวนต์ มากน้อยขึ้นอยู่กับการปั่นให้คุ้ม หรือเกินคุ้มมากที่สุด และกว้างที่สุด
แต่ก็แน่นอนอีกเช่นกันว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ และความไม่ง่ายนี้ คงไม่ได้ขึ้นกับต่างประเทศ หรือเจ้าของลิขสิทธิ์เสียทีเดียว ด้วยปัจจัยของความสำเร็จในส่วนนี้อยู่ที่ความสามารถในการลงทุน การทำตามเงื่อนไข ความเหมาะสมของประเทศ และมีสถานที่รองรับ ซึ่งปัจจัยอย่างนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรง และไทยเรามีแต้มบวกสูงยิ่งอยู่แล้ว
ส่วนที่สำคัญไม่พ้นคนในประเทศนี่แหละ!
รอดูเสียงต้าน เสียงค้าน ที่จะออกมาด้วยรูปแบบไหน และจะมีการอธิบายความ ให้หายคลางแคลงใจได้มากน้อยแค่ไหน แสวงหาจุดร่วมแห่งความพอใจได้เพียงไร
ประเทศไทยสิทธิเสรีภาพ ในการค้านสูงยิ่งอยู่แล้ว ขอเพียงเอาเหตุ เอาผล ที่แท้จริงมาว่ากัน โดยไม่แอบแฝง ไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆ
นาทีนี้ นายกรัฐมนตรีเปิดประตูประเทศ พร้อมรับทุกอย่าง ลุยเต็มที่ ส่วนจะปิดเกมอะไรได้บ้าง ก็ต้องรอดูกัน...
“เบี้ยหงาย”
คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม