ไทยรัฐฉบับพิมพ์
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคอกีฬาคงได้สะใจกับ สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิด ไทยจากอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ที่คว้าอันดับ 3 รุ่น “โมโตทู” ในศึกจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก 2023 มาครองได้สำเร็จ
“เจ้าก้อง” ปลดล็อกขึ้นโพเดียมในบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก
พร้อมสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นนักบิดไทยคนแรกที่ขึ้นโพเดียมใน “โฮมกรังด์ปรีซ์”
สำหรับ “โมโตจีพี” สนามที่ 17 รายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023” มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมากมายหลายเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจ
กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผลสำรวจเบื้องต้น ของการแข่งขันรถจักรยานยนต์ Moto GP สนามที่ 17 โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566
พบว่าในช่วงระยะเวลา 3 วัน มีผู้เข้าร่วมงาน จำนวน 179,811 คน
สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นๆประมาณ 4,493 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมงาน ประมาณ 3,783 ล้านบาท
แบ่งเป็นผู้เข้าร่วมงานชาวไทยที่เดินทางมาร่วมงานประเภทพักค้างและท่องเที่ยว มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 14,831 บาท ส่วนชาวต่างชาติ มีค่าใช้จ่าย เฉลี่ยคนละ 27,503 บาท
นี่ยังไม่ได้รวมรายได้จากนักท่องเที่ยวภายในจังหวัดบุรีรัมย์ที่ไม่ได้เข้าร่วมงาน
โดยการแข่งขันในครั้งนี้ได้รับงบประมาณจากภาครัฐและเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน ประมาณ 710 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน มากถึง 6,426 ตำแหน่ง
เทียบเท่ากับการจ้างงานในระยะเวลา 1 ปี
ขณะที่การถ่ายทอดสดการแข่งขันรถจักรยานยนต์รุ่นโมโตทู และโมโตจีพี ในครั้งนี้ มีผู้ชมจากทั่วโลก กว่า 800 ล้านคน
นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ เพราะนอกจากจะได้แสดงอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดบุรีรัมย์ให้ทั่วโลกได้รับรู้แล้ว ยังแสดงถึงศักยภาพของจังหวัดบุรีรัมย์ในการเป็นเมืองกีฬามาตรฐานโลกอย่างแท้จริง
นี่คือความสำเร็จโดยองค์รวมของ “ไทยแลนด์ โมโตจีพี”
ซึ่งถูกเคลมว่าเป็นโมโตจีพี ที่ดีสุดในโลก.
ยุบสภา
คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม