หน้าแรกแกลเลอรี่

ฟอร์ด vs เฟอร์รารี่ : นิยามคำว่า "เข้าเส้นชัยคันแรก ไม่ได้แปลว่าจะเป็น 'ผู้ชนะ' เสมอไป"

ไทยรัฐออนไลน์

23 ส.ค. 2566 14:00 น.

นิยามของหนังเรื่องนี้สั้นๆ คือ "ที่ 1 ไม่ได้แปลว่าชนะ" 

ย้อนกลับไปในปี 2019 มีหนังเรื่องหนึ่งที่ออกมาสู่สาธารณชนซึ่งคอกีฬาถูกอกถูกใจกันเยอะมากๆ นั้นก็คือ Ford vs Ferrari ซึ่งเป็นเรื่องของการแข่งขัน เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง ในยุค 50-60 ซึ่งในยุคนั้นเป็นการแข่งขันกันของ ฟอร์ด ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกัน และ เฟอร์รารี่ ผู้ผลิตรถยนต์จากอิตาลี 

ตัวเอกของหนังเรื่องนี้เป็นชายหนุ่มอเมริกัน ชื่อว่า "เคน ไมลส์" โดยเขาเป็น 1 ในมือขับของทีม เชลบี้ อเมริกัน ที่มี แครอล เชลบี้ ตำนานนักสร้างรถเบอร์ต้นๆ ที่ได้รับการยกย่องของคนอเมริกันว่าเจ๋งที่สุดในโลกนี้ ซึ่งในยุคปี 1965 เชลบี้ สร้างทีมรถแข่งในนาม เชลบี้ อเมริกัน ซึ่งมี เคน ไมลส์ เป็นคนขับทดสอบและปรับปรุงรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการแข่งขันแต่...ไมลส์ ไม่ใช่ที่ชื่นชอบของเหล่าผู้บริหาร ทำให้เขาไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ ของการเป็นนักขับของฟอร์ด

อย่างไรก็ตาม ทุกวินาทีเขาทุ่มเทให้กับ ฟอร์ด อย่างเต็มที่ และเป็นที่ไว้ใจของ แครอล เชลบี้ จึงทำให้ เชลบี้ ต้องใช้วิธีหฤโหดในการไปคุยกับนายใหญ่ของฟอร์ดอย่าง เฮนรี ฟอร์ด ที่ 2 ด้วยการพานั่งรถไปคุยส่วนตัวซึ่ง เชลบี้ เป็นคนขับ ซึ่งทำเอา เฮนรี ฟอร์ด ร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว 

บทสนทนาของทั้ง 2 คน เป็นเรื่องของการให้ เคน ไมลส์ เป็นนักขับของทีมในรายการ เดย์โทนา 24 ชั่วโมง และหากสามารถเอาชนะได้ ฟอร์ดจะต้องให้ เคน ไมลส์ เป็นตัวแทนไปแข่ง เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมงที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่ง เชลบี้ เอาหัวเป็นประกันอีกว่า หาก ไมลส์ ไม่สามารถเอาชนะ เดย์โทนา ได้ จะยกลิขสิทธิ์การผลิตของ เชลบี้ อเมริกัน ให้ฟอร์ดแต่เพียงผู้เดียว 

แน่นอนว่าเรื่องของธุรกิจ เฮนรี ฟอร์ด ที่ 2 ตอบตกลงและ เคน ไมลส์ ก็ลงสู่พื้นสนาม เดย์โทนา 24 ชั่วโมง ในปี 1966 ด้วย ฟอร์ด จีที 40 เอ็มเค 2 (หรือ ฟอร์ด จีที 40 มาร์ค 2) ซึ่งตลอด 23 ชั่วโมงกว่า ไมลส์ ตามหลังฟอร์ดอีก 1 ทีมที่มีผู้บริหารใหญ่ของฟอร์ดเป็นผู้สนับสนุน ที่ลงทุนใช้ทีมงานแนสคาร์ มาเป็นทีมช่างและมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเยอะ 

การขับเครื่องยนต์ฟอร์ดในระยะยาว (อย่างปลอดภัย) ควรจะรักษาไว้ที่ 6 พันรอบต่อนาที ซึ่งพอเข้าสู่นาทีท้ายๆ เชลบี้ ก็เขียนกระดานเดินเข้าไปข้างแทรคบอกให้เร่งเกิน 7,000 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นความเสี่ยงมากๆ ว่า เครื่องยนต์จะพังจนจบหรือไม่ แต่ในหนัง ไมลส์ สามารถทำได้ และเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกชนิดที่เฉือนกันไม่กี่วินาที (แต่ในชีวิตจริง บางคนบอกว่า ไมลส์ เข้าเส้นชัยห่างคู่แข่งที่ 2 เป็นเวลาเยอะมากๆ) 

ชัยชนะบนเดย์โทนา ปี 1966 ทำให้ เชลบี้ อเมริกัน ชนะพนันและยอมส่ง เคน ไมลส์ เป็นตัวแทนฟอร์ด ลงแข่ง เลอ ม็องส์ 24 ชั่วโมง ซึ่งคู่ปรับอันดับ 1 ในชั่วโมงนั้นมีชื่อว่า "เฟอร์รารี่" ที่มี เอ็นโซ เฟอร์รารี่ เป็นเจ้าของ ก็ที่เขม่นหน้ากันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

เสน่ห์ของ เลอ ม็องส์ คือการที่นักแข่งจะยืนรอฝั่งตรงข้ามกับรถพอเวลาเริ่มนับถอยหลัง นักขับจะต้องวิ่งไปขึ้นรถของตัวเองก่อนจะขับออกไปเริ่มการแข่งขัน ซึ่งการเริ่มต้นนาทีแรกๆ ของ เคน ไมลส์ บน เลอ ม็องส์ เป็นไปด้วยความยากลำบากในหนังเล่าว่า เขามีปัญหาที่ประตูรถปิดไม่สนิทและต้องเข้าพิทตั้งแต่แรก ซึ่งทีมช่างก็ใช้ค้อนทุบให้ประตูปิด 

หลังจากการแข่งขันไปเรื่อยๆ ทั้ง เฟอร์รารี่ ที่มี ลอเรนโซ บานดินี และ ฟอร์ดของ เคน ไมลส์ ก็บี้กันมาตลอดทั้งการแข่งขัน จนกระทั่ง ผ่านมาถึงจุดหนึ่ง รถของ เคน ไมลส์ เบรกไหม้ทำให้ต้องเข้าพิท ซึ่ง แครอล เชลบี้ ก็หัวหมอจงใจใช้กฎเปลี่ยนเบรกทั้งลูกและกลับไปแข่งต่อ ซึ่ง เคน ไมลส์ ใช้เวลาที่ตามหลัง เฟอร์รารี่ 1 รอบเต็มๆ น็อกรอบกลับมาในรอบเดียวกัน ก่อนจะจี้ตูดมาติดๆ 

ณ จุดหนึ่ง การบี้กันของ บานดินี และไมลส์ จากตามหลังเป็นรอบ มาเหลือแค่ กันชนกันกันชน หรือที่ภาษาอังกฤษ มักจะเรียกว่า "Wheel to Wheel" ทั้ง 2 ต่างเหยียบมิดคันเร่งเพื่อขึ้นนำในช่วงทางตรง แล้วจู่ๆ เฟอร์รารี่ ก็เครื่องพัง (ปัจจุบันใน F1 ก็บ้งไม่ต่างกัน) ทำให้ เคน ไมลส์ ขึ้นนำการแข่งขัน และนำห่างชนิดทิ้งข้างหลังไม่เห็นฝุ่น 

จู่ๆ ผู้บริหารฟอร์ด คิดอะไรไม่รู้ ต้องการให้ ฟอร์ดทุกคันเข้าเส้นชัยพร้อมกัน เพื่อเป็นภาพที่สวยงามเวลาลงหนังสือพิมพ์ ในตอนแรก เชลบี้ ต่อต้านและไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมทำตามและเข้าเส้นชันพร้อมกันทุกคน เป็นภาพที่สวยงามที่สุดภาพหนึ่งของการแข่งขัน เลอ ม็องส์ ตลอดกาล 

อย่างไรก็ตาม การเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกของ เคน ไมลส์ กลับต้องตกใจ เมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันประกาศให้ บรูซ แม็คลาเรน อีกคันของทีม ฟอร์ด เชลบี้ อเมริกัน เป็นผู้ชนะเพราะว่า บรูซ สตาร์ตไกลกว่า ไมลส์ ทำให้ ไมลส์ เป็นแค่ที่ 2 เท่านั้น และทั้ง เชลบี้ และไมลส์ ก็หวังจะกลับมาเอาชนะอีกในปีต่อไป 

ท้ายที่สุดของหนังเรื่องนี้เล่าถึงจุดจบของชีวิต เคน ไมลส์ ที่รถคว่ำตายในทะเลทรายขณะเทสต์รถแข่งของ ฟอร์ด นั้นเอง เรียกได้ว่า เป็นการปิดฉาก 1 ในตำนานของ เชลบี้ อเมริกัน และวงการแข่งรถในอเมริกัน อย่าง "เคน ไมลส์" ที่ปัจจุบัน ได้รับการยกย่องให้เป็น "ตำนาน" เข้าสู่ หอเกียรติยศ เรียบร้อยแล้ว