หน้าแรกแกลเลอรี่

5 ประเด็นร้อน หลัง "แฮมิลตัน" ซิวแชมป์ F1 สนาม ซาอุฯ ชิงตำแหน่งแชมป์โลกสนามหน้า

ไทยรัฐออนไลน์

6 ธ.ค. 2564 10:16 น.

5 ประเด็นสุดดราม่าหลัง ลูอิส แฮมิลตัน ซิวชัยชนะที่ ซาอุดีอาระเบีย ทำคะแนนเท่ากับคู่แข่งและลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 8 ในสนามหน้า

วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2564 การแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ ฟอร์มูลา วัน กรังด์ปรีซ์ ประจำฤดูกาล 2021 สนามที่ 21 ในฤดูกาลนี้ โดยเป็นการแข่งขันในรายการ ซาอุดีอาระเบีย กรังด์ปรีซ์ 

ซึ่งผลปรากฏว่า ลูอิส แฮมิลตัน สามารถเอาชนะสนามนี้ได้สำเร็จ และสามารถทำคะแนนสะสมนักขับขึ้นมาเทียบเท่ากับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน คู่แข่งจาก เรดบูลล์ เรซซิ่ง ได้แล้วและเหลืออีก 1 สนามในสัปดาห์หน้าที่ เมืองอาบูดาบี ประเทศยูเออี ซึ่งเหตุการณ์ในสนามนี้มีมากที่น่าพูดถึง

"สตรีท เซอร์กิต" กับ "สแตนดิง สตาร์ต" อาจไม่เข้ากัน

ในการแข่งขันครั้งนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมายโดย 2 ครั้งแรกหนักหนาจนถึงขั้นต้องใช้บริการธงแดง (หยุดการแข่งขันชั่วคราว) ซึ่ง ธงแดงครั้งแรก เกิดจาก มิกซ์ ชูมัคเกอร์ ดาวรุ่งทีม ฮาส เข้าไปอัดกับกำแพงที่โค้ง 21 จนทำให้ต้องซ่อมกำแพงกันให้เรียบร้อย 

อย่างไรก็ตาม ไมเคิล มาร์ซี หัวหน้าผู้ควบคุมดูแลการแข่งขัน ก็ได้ประกาศให้กลับมาแข่งขันอีกครั้ง โดยจะใช้การ สแตนดิง สตาร์ต หรือ การสตาร์ตบนกริดตามปกติ ซึ่งเป็นเหตุนำไปสู่อุบัติเหตุครั้งที่ 2 จนทำให้ต้องมีธงแดงอีกครั้ง 

ซึ่งเหล่าบรรดานักพากย์ทั้งฝั่งของไทย และ ต่างประเทศ ต่างมองว่าไม่สมควรที่จะเป็น สแตนดิง สตาร์ต เพราะอาจจะทำให้โค้ง 1-3 มีการเบียดกันจนมีอุบัติเหตุอีกครั้ง 

เครื่องยนต์สุดโหดของ เมอร์เซเดส vs แผนสุดแหวกของ เรดบูลล์

ในช่วงการรีสตาร์ตรอบที่ 2 แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ออกสตาร์ตจากกริดอันดับ 3 เนื่องจาก ในการรีสตาร์ต รอบแรกเขาแซงจากนอกสนามและอยู่หน้า แฮมิลตัน ส่งผลให้ ไมเคิล มาร์ซี ต้องการให้เขากลับไปอยู่หลัง แฮมิลตัน ซึ่งทาง เรดบูลล์ เองก็ยอมรับข้อเสนอนี้และสตาร์ตรอบต่อมาในอันดับ 3 

อย่างไรก็ตาม ยางเมอร์เซเดส ของ แฮมิลตัน เลือกยาง C2 หรือว่ายาง ฮาร์ท ส่วน เวอร์สแตพเพน เลือกยาก C3 หรือ มีเดียม ซึ่งมีส่วนทำให้สามารถแซง แฮมิลตัน และ เอสเตบาน โอคอน กลับขึ้นไปนำได้สำเร็จตั้งแต่โค้ง 1 

ซึ่งยางที่ต่างกันมีข้อดีและข้อเสีย C3 ของ เรดบูลล์ จะแรงในช่วงต้นถึงกลาง ส่วนช่วงปลายจะเป็น C2 ที่อยู่ได้นานที่สุด โดยที่เครื่องยนต์ของ เมอร์เซเดส มีพลังในทางตรงมากกว่าของ ฮอนด้า อย่างชัดเจนมากๆ ทำให้มีหลายครั้งที่ เมอร์เซเดส จะแซงได้แต่ความเก๋าของ เวอร์สแตพเพน ทำให้เกิดข้อต่อไป 

เก่งอย่างเดียว...ไม่พอ (ถ้าสู้กับ แฮมิลตัน) 

ในช่วงรอบที่ 37 ของการแข่งขันเพิ่งจะเป็นการจบ VSC หรือ เซฟตี้คาร์จำลอง เนื่องจากต้องการให้เคลียร์พื้นผิวของสนามที่มีเศษชิ้นส่วนไฟเบอร์ของรถคันอื่นกระจายเต็มพื้นที่ และเป็นในจังหวะรีสตาร์ต เมื่อเข้าสู่สุดทางตรงหน้าพิทเลน รถของ แฮมิลตัน ก็เข้าใกล้กับ เวอร์สแตพเพน จนสามารถเปิดปีกท้ายช่วยเพิ่มความเร็ว (DRS) ได้ จนกระทั่งขึ้นนำก่อนเข้าโค้ง 1 

แต่ผลปรากฏว่า เวอร์สแตพเพน ตัดหน้ารถ เมอร์เซเดส และหลุดออกนอกสนามก่อนแซงขึ้นนำ ซึ่งทางทีมและผู้ควบคุมการแข่งขันก็ต้องการให้ เมอร์เซเดส อยู่ด้านหน้าของ เรดบูลล์ ทำให้ ก่อนเข้าโค้ง 27 หรือ โค้งสุดท้าย เวอร์สแตพเพน ก็พยายามจะเปิดพื้นที่และ ปล่อยให้ แฮมิลตัน แซงขึ้นนำ แต่แล้ว เมอร์เซเดส ก็ซัดเข้าไปเต็มหลังรถของ เรดบูลล์ 

ซึ่ง ทาง เรดบูลล์ ก็มีความพยายามที่จะคืนตำแหน่งให้แล้วและมองว่า แฮมิลตัน ไม่รับหรือเจตนาใดๆ ก็ตามแต่ อย่างไรก็ตาม การคืนของ เวอร์สแตพเพน ก็ดูมีเงื่อนงำแปลกๆ เนื่องจากมันกำลังจะเข้าพื้นที่ตรวจจับ DRS ซึ่งหากเขาอยู่หลัง แฮมิลตัน ไม่เกิน 1 วินาที จะสามารถเปิดปีกท้ายใน DRS ส่วนต่อไปได้ จึงทำให้เลือกจะคืนตำแหน่งเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบ ซึ่งถือเป็นแท็กติกที่เจ้าเล่ห์ไม่เบา

แชมป์ที่ 103 ของ แฮมิลตัน 

ในที่สุด รถ W12 ของ เมอร์เซเดส ก็สามารถแซง RB16B ของ เรดบูลล์ ได้สำเร็จในรอบที่ 43 ซึ่งนอกจากนั้น เวอร์สแตพเพน ยังถูกปรับ 5 วินาที จากการแซงนอกสนามอีกด้วย ซึ่งทำให้ เมอร์เซเดส นำสบายๆ จนจบ 50 รอบและคว้าแชมป์เป็นสนามที่ 3 ติดต่อกันของ ลูอิส แฮมิลตัน ซึ่งเป็นแชมป์ที่ 103 ในอาชีพของเขาอีกด้วย 

ขณะเดียวกัน การที่ เรดบูลล์ คืนตำแหน่งแบบแอบขี้โกงส่งผลให้ในภายหลังจากการแข่งขัน คณะกรรมการ FIA หรือที่แฟนๆ เรียกว่า สจ๊วต ออกมาปรับ เวอร์สแตพเพน อีก 10 วินาที ในข้อหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในรอบที่ 37 

สถานการณ์ในตารางคะแนนสะสม

ชัยชนะในสนามนี้ของ เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน ส่งผลให้แต้มในตารางคะแนนสะสมของ เวอร์สแตพเพน และ ลูอิส แฮมิลตัน เท่ากันที่ 369.5 คะแนน ส่งผลให้สนามสุดท้ายจะเป็นการตัดสินแชมป์โลกระหว่าง 2 รายนี้ ซึ่งหากใครอยู่อันดับเหนือกว่าในสนามสุดท้ายจะเป็นผู้ชนะและคว้าแชมป์ในปีนี้ทันที 

หรือว่า หากทั้งคู่ไม่จบการแข่งขัน เวอร์สแตพเพน ก็จะยังเป็นแชมป์โลกอยู่ดีแม้คะแนนจะเท่ากันก็ตาม ส่งผลให้ในวันที่ 10-12 ที่ ยาส มารินา เซอร์กิต ที่ ยูเออี จะตัดสินทุกอย่าง.