ไทยรัฐออนไลน์
ซีอีโอ “Bacon Time” แจงยุติการทำทีม “Bacon PUBG Mobile” เพื่อแสดงจุดยืน ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายจัดฯ ใช้ความดังมาเป็นตัวตัดสินเข้ารอบ
วันที่ 19 เม.ย. 66 หลังจาก Bacon Time ประกาศยุติการทำทีม Bacon PUBG Mobile ในซีซั่นนี้ อย่างเป็นทางการ ซึ่งทำเอาแฟนคลับช็อกไปตามๆ กัน เพราะทีมก็ทำผลงานได้ดีระดับหนึ่ง เป็นถึงรอแชมป์ Mobile Pro Leauge - Thailand Spring 2022
ล่าสุด สุรศักดิ์ วินิจ หนึ่งในผู้บริหารเบคอนไทม์ ออกมาชี้แจงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจยุติการทำทีมในซีซั่นนี้ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยัน ไม่ใช่เพราะหมดไฟ แต่เป็นเพราะแนวคิดของทีมไม่ได้ตรงกับฝั่งผู้จัดการแข่งขันที่ใช้การโหวตทีมเข้ารอบ การใช้คะแนนความนิยม หรือการเข้าถึงของแฟนคลับมาเป็นตัวตัดสิน 50:50 ทำให้คิดได้ว่าฝืนไปก็คงไม่มีประโยชน์
สุรศักดิ์ วินิจ ระบุว่า “น้องๆ ทีมนี้ทุกคนเก่งมากๆ เป็นเด็กดีมาก มุ่งมั่นตามความฝันของตัวเองอย่างไม่ลดละ และกำลังพัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้นเรื่องหมดไฟหรือไม่มั่นใจนั้นตัดไปได้เลย จากรุ่นผู้เล่นชุดตำนาน RRQ จนมาถึงทีมชุดปัจจุบันนี้ แสดงถึงความทะเยอทะยานและความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะผลักดันทีม PUBG MOBILE ของเราให้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งให้ได้เหมือน ROV”
“ด้วยความที่ตัวเกมเป็นแนว Battle Royale ซึ่งพื้นฐานมันไม่ใช่กีฬาที่วัดจากฝีมือล้วนๆ แต่ต้องหวังพึ่งดวง จังหวะ และวงบีบ ที่พร้อมจะพลิกผันผลการแข่งขันได้ในชั่วพริบตา ทำให้บ่อยครั้งทีมที่เก่งกว่ากลับต้องน้ำตาตกเพราะวงไม่เป็นใจ พวกเรารู้ทั้งรู้แต่ก็ยังมุ่งมั่นทำทีมต่อไปตามกระแสโลกที่คนดูนิยมรับชมการแข่งของเกมแนวนี้”
“แต่แล้วฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้รู้สึกว่า แนวคิดของเราไม่ได้ตรงกับฝั่งผู้จัดการแข่งขันของเกมนี้เลยก็มาถึง การโหวตทีมเข้ารอบ การใช้คะแนนความนิยม หรือการเข้าถึงของแฟนคลับมาเป็นตัวตัดสินชนิดที่เรียกได้ว่า 50-50 กับฝีมือเลยทีเดียว ทำให้ผมคิดได้ว่าพวกเราฝืนไปก็คงไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าน้องๆ จะฝึกซ้อมมาหนักแค่ไหนก็ใช่ว่าจะการันตีได้ว่าอันดับในตารางจะออกมาดี เพราะสุดท้ายคะแนนความนิยมอีกครึ่งนึงอาจเปลี่ยนผลของความพยายามของน้องๆ ได้”
“ผมรู้สึกเสียใจมากที่ทุกอย่างต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ นอกจากตัดสินใจไม่เข้าร่วม เพื่อแสดงจุดยืนที่เราไม่เห็นด้วย การแข่งขันกีฬาที่ผมเชื่อมั่น คือการวัดผลแพ้ชนะจากฝีมือและประสบการณ์ ที่ได้มาจากการฝึกฝนและลงสนามแข่งมาอย่างโชกโชน ไม่ใช่การแข่งขันที่เอาทีมดังเอาฐานแฟนมาเป็นตัวตัดสิน”