หน้าแรกแกลเลอรี่

ท้าทายหรือเกินจริง! เป้า 6 ทอง โอลิมปิก ปารีส

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

21 ก.ค. 2567 05:17 น.

มหกรรมกีฬา โอลิมปิก ครั้งที่ 33 เตรียมเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้แล้ว ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และจากนั้นนักกีฬาจากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก รวม 10,500 คน จะร่วมแข่งขันกันต่อเนื่องใน 32 ชนิดกีฬา ชิง 329 เหรียญทอง ไปจนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2567

สำหรับทัพไทยในโอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งนี้ อย่างที่ทราบกันดีว่า ต่างลุยคัดเลือก ฝ่าด่านรอบควอลิฟายและได้โควตาไปแข่งขันในรอบสุดท้าย รวมทั้งหมด 51 คน 17 ชนิดกีฬา 16 สมาคมกีฬา

จากแบดมินตัน 9 คน เดชาพล พัววรานุเคราะห์ (คู่ผสม), ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (คู่ผสม), จงกลพรรณ กิติธรากุล (หญิงคู่), รวินดา ประจงใจ (หญิงคู่), รัชนก อินทนนท์ (หญิงเดี่ยว), ศุภนิดา เกตุทอง (หญิงเดี่ยว), กุลวุฒิ วิทิตศานต์ (ชายเดี่ยว), สุภัค จอมเกาะ (ชายคู่) และกิตตินุพงษ์ เกตุเรน (ชายคู่)

มวยสากล 8 คน จุฑามาศ จิตรพงษ์ (รุ่น 54 กิโลกรัมหญิง), ธิติสรรค์ ปั้นโหมด (รุ่น 51 กิโลกรัมชาย), จุฑามาศ รักสัตย์ (รุ่น 50 กิโลกรัมหญิง), ธนัญญา สมนึก (รุ่น 60 กิโลกรัมหญิง), จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง (รุ่น 66 กิโลกรัมหญิง), บรรจง สินศิริ (รุ่น 63.5 กิโลกรัมชาย), วีระพล จงจอหอ (รุ่น 80 กิโลกรัมชาย) และใบสน มณีก้อน (รุ่น 75 กิโลกรัมหญิง)

จักรยาน 4 คน โกเมธ สุขประเสริฐ (บีเอ็มเอ็กซ์ชาย), ธนาคาร ไชยยาสัมบัติ (ถนนชาย), เพชรดารินทร์ สมราช (ถนนหญิง) และจาย อังค์สุธาสาวิทย์ (ประเภทลู่ คีรินชาย), ยกน้ำหนัก 4 คน สุรจนา คำเบ้า (รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง), ดวงอักษร ใจดี (รุ่นมากกว่า 81 กิโลกรัมหญิง), ธีรพงศ์ ศิลาชัย (รุ่น 61 กิโลกรัมชาย) และวีรพล วิชุมา (รุ่น 73 กิโลกรัมชาย), กอล์ฟ 4 คน กิรเดช อภิบาลรัตน์ (บุคคลชาย), พชร คงวัดใหม่ (บุคคลชาย), อาฒยา ฐิติกุล (บุคคลหญิง) และปภังกร ธวัชธนกิจ (บุคคลหญิง)

ยิงปืน 3 คน ธันยพร พฤกษากร (ปืนสั้น ระยะ 25 เมตรหญิง), ทองผาภูมิ วงศ์สุขดี (ปืนยาว 3 ท่า ระยะ 50 เมตรชาย) และกมลลักษณ์ แสนชา (ปืนสั้นอัดลม ระยะ 10 เมตรหญิง), เทควันโด 3 คน พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง), ศศิกานต์ ทองจันทร์ (รุ่น 67 กิโลกรัมหญิง) และบัลลังก์ ทับทิมแดง (รุ่น 68 กิโลกรัมชาย), เทเบิลเทนนิส 3 คน สุธาสินี เสวตรบุตร (ทีมหญิง), จิณห์นิภา เสวตรบุตร (ทีมหญิง) และอรวรรณ พาระนัง (ทีมหญิง)

ไคท์บอร์ด 2 คน เบญญาภา จันทวรรณ (ฟอร์มูลา ไคท์ หญิง) และโจเซฟ โจนาธาน เวสตัน (ฟอร์มูลา ไคท์ ชาย), เรือใบ 2 คน โซเฟีย เกล มอนโกเมอรี (ILCA 6) และอธิษฐ์ มิเคล โรมานิค (ILCA 7), ว่ายน้ำ 2 คน เจนจิรา ศรีสอาด (ฟรีสไตล์ 50 เมตรหญิง) และดุลยวัต แก้วศรียงค์ (ฟรีสไตล์ 100 เมตร และ 200 เมตรชาย), กรีฑา 2 คน ภูริพล บุญสอน (100 เมตรชาย) และสุเบญรัตน์ อินแสง (ขว้างจักรหญิง)

ปัญจกีฬา 1 คน ภูริช โยเฮือง (บุคคลชาย), ขี่ม้า 1 คน ชนกภรณ์ การุณยธัช (กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง บุคคล), เรือพาย 1 คน เปรมณัฏฐ์ วัฒนานุสิทธิ์ (เรือกรรเชียง 1 คน พายคู่), เอ็กซ์ตรีม 1 คน วารีรยา สุขเกษม (สเกตบอร์ดสตรีทหญิง) และยูโด 1 คน มาซายูกิ เทราดะ (รุ่น 73 กิโลกรัมชาย)

ทั้งนี้ งานกำกับดูแลและติดตามประเมินผลกีฬาเป็นเลิศ กองพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จำแนกข้อมูลเอาไว้ให้ด้วย ซึ่งน่าสนใจไม่น้อย

จากทั้ง 51 คน เป็นนักกีฬาที่ได้โควตามาจากกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่สาธารณรัฐ ประชาชนจีน 13 คน ส่วนที่เหลือได้สิทธิ์จากรายการอื่นๆ และเป็นนักกีฬาหน้าใหม่ถึง 37 คน

อีกทั้งเมื่อเทียบจำนวนนักกีฬาไทย 51 คนกับชาติในอาเซียน ไทยแลนด์ของเราถือว่าได้โควตามากที่สุดในย่านนี้ รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย 28 คน มาเลเซีย 26 คน

ส่วนตัวเลขในระดับทวีปเอเชีย ไทยอยู่อันดับ 9

อันดับ 1 ญี่ปุ่น 407 คน อันดับ 2 จีน 398 คน อันดับ 3 เกาหลีใต้ 144 คน อันดับ 4 อินเดีย 112 คน อันดับ 5 อิสราเอล 87 คน อันดับ 6 อุซเบกิสถาน 85 คน อันดับ 7 คาซัคสถาน 81 คน อันดับ 7 คาซัคสถาน 81 คน อันดับ 8 ไต้หวัน 57 คน

โดยกลุ่มกีฬาความหวังลุ้นเหรียญทอง เบอร์ 1 จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เทควันโด ที่มี “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นำทีม ซึ่งต้องลุ้นว่าเจ้าตัวจะสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลได้ 3 โอลิมปิก

รวมทั้งยังมีโอกาสเป็นนักกีฬาไทยคนแรก ที่ป้องกันแชมป์โอลิมปิกได้ด้วยเช่นกัน ได้หรือไม่

ส่วนกีฬาอื่นๆที่มีสิทธิ์ มีทั้งกลุ่มความหวังเดิม มวยสากล ธิติสรรค์ ปั้นโหมด บรรจง สินศิริ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง จุฑามาศ จิตรพงษ์ ถือว่าฝีมือไม่ธรรดา และยกน้ำหนัก มีวีรพล วิชุมา ดีกรีแชมป์โลก นำทัพ

ขณะที่ความหวังใหม่ๆจะเป็นแบดมินตัน มี “วิว” กุลวุฒิ วิฑิตศานต์ แชมป์โลกอีกคน และ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสม ก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะคู่แข่งมือท็อปๆมาอยู่ตลอดลงสนาม

ยังมีกอล์ฟที่ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล และ “โปรแพตตี้” ปภังกร ธวัชธนกิจ ซึ่งฟอร์มในการเล่นอาชีพทำได้ดีอยู่เสมอ และคู่แข่งในโอลิมปิกก็ไม่ได้หนีไปจากเวทีแอลพีจีเอ ทัวร์ แต่อย่างใด

รวมๆแล้วสมาคมกีฬาแจ้งมายัง กกท. ว่า ครั้งนี้มีเป้าหมายรวมกันอยู่ที่ 6 เหรียญทอง จากมวยสากล 2 เหรียญ ยกน้ำหนัก เทควันโด แบดมินตัน และกอล์ฟ กีฬาละ 1 เหรียญ

ตัวเลขนี้ คิดเห็นเป็นเช่นไร แน่นอนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องวิจารณ์กันไปต่างๆนานา อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ถ้าแยกย่อยดีๆจะพบว่ามี 2 มุมที่ต้องทราบกันเอาไว้ มุมหนึ่งก็ต้องเข้าใจสมาคมกีฬากับ กกท. ที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ มีเรื่องงบประมาณ มีเป้าหมายมาเกี่ยวข้อง ต้องมีการวัดผล จะใช้งบแล้วเป้าหมายเลื่อนลอยก็คงไม่ใช่

ส่วนอีกมุมที่ต้องยืนอยู่บนหลักของความเป็นจริง ว่า 6 เหรียญทอง ดูจะมากมายเกินไป เป็นตัวเลขที่เกินตัว ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในภาพรวม กกท. ควรที่จะต้องหักค่าความเสี่ยงด้านต่างๆลงอีกหน่อย

เป้าหมาย 2 เหรียญทอง ดูน่าจะพอเป็นไปได้มากกว่า

แต่อย่างที่เรารู้ คงจะไปห้ามความคิดของแต่ละคนที่มีความเชื่อ มีภูมิหลังที่ต่างกันไม่ได้ จะมองว่าเป็นงานท้าทาย เป็นแรงผลักดันชั้นดี ให้ก้าวไปให้ถึงหรือเป็นเรื่องโอเวอร์เกินจริง ตรงนี้ ก็สุดแล้วแต่

เอาเป็นว่า คำตอบสุดท้ายของเรื่องนี้ จะไปอยู่ที่ช่วงท้ายๆของ “ปารีสเกมส์” ทุกอย่างจะชัดเจนในเวลานั้น

เราจะได้ร้องเพลงชาติไทยกันกี่ครั้ง แฟนกีฬา รอติดตามกันได้ทางฟรีทีวีที สปอร์ต, 7 HD, 9 MCOT HD และ PPTV HD รวมถึงเอไอเอสเพลย์และทรูฯ พร้อมที่จะถ่ายทอดให้ได้รับชมกันทั่วประเทศ

ให้พวกเราได้เชียร์ไทยไปด้วยกัน...

กัญจน์ ศิริวุฒิ เรื่อง

คลิกอ่านคอลัมน์ “Hotsport” เพิ่มเติม