หน้าแรกแกลเลอรี่

ส่งต่อดราม่า

เบี้ยหงาย

20 ก.ค. 2567 05:09 น.

จากดราม่าชุดพิธีการที่นักกีฬา ไทยจะสวมใส่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ครั้งนี้ ซึ่งถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และในที่สุดทางโอลิมปิกไทยก็ออกมาน้อมรับ

และทางหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ธนา ไชยประสิทธิ์ ก็มีการปรับเปลี่ยนให้ใช้ชุดที่ออกแบบโดยทีมงานศิลป์แกรนด์สปอร์ต ร่วมกับอีก 4 คณะทีมงานลายมรดกโลกบ้านเชียงของจังหวัดอุดรธานี ใส่ในวันพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส ในวันที่ 26 ก.ค.

เชื่อว่าผลพวงจากดราม่าครั้งนี้ ทำให้ผู้คนมากมายในสังคมส่องไปที่ตัวตนของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ซึ่งมากด้วยผู้อาวุโสและอยู่ในตำแหน่งมายาวนาน และอาจจะสัมผัสรับรู้อะไรบางอย่าง

ถือเป็นเรื่องดีที่จะได้ “ใส่ใจ” และ “จับจ้อง” กันมากขึ้น ด้วยโอลิมปิกไทยเป็นองค์กรหลัก องค์กรหนึ่งที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อน และพัฒนากีฬาของชาติ ในมิติของการส่งนักกีฬาไปแข่งขัน หรือจัดการแข่งขันเกมต่างๆภายใต้ไอโอซีและโอซีเอ ตลอดจนการบรรจุชนิดกีฬาในเกมนั้นๆ ซึ่งมีผลต่อภาพรวมของวงการกีฬาไทย

คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในชุดปัจจุบันนี้ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน และ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นเลขาธิการ จะมีการเลือกตั้งกันใหม่หลังจบกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส และได้มีมติให้เลือกตั้งกันในต้นปีหน้า

แต่ก่อนจะไปถึงการเลือกตั้งโอลิมปิกไทย ปลายปีนี้ยังจะมีอีเวนต์ที่ยังเป็น “ปัญหา” กับการแข่งขัน กีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ซึ่งเดิมต้องจัดตั้งแต่ปี 2021 หรือ พ.ศ.2564 เกมระดับรองๆที่โอซีเอร้องขอให้ไทยช่วยจัด เนื่องจากไม่มีใครเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในตอนนั้น

ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดสรรงบประมาณ ผ่านการกีฬาแห่งประเทศไทย แต่เป็นความรับผิดชอบของโอลิมปิกไทยในส่วนของการบริหารจัดการด้านการแข่งขันและการกำหนดชนิดกีฬา

โดยกีฬาเอเชียนอินดอร์ฯครั้งนี้เลื่อนมาแล้ว 4 ครั้ง ก่อนจะมาลงล็อกที่ 21-30 พ.ย.นี้ และที่เป็นที่ประหลาดใจแก่ชาวเอเชียรวมถึงโอซีเอ เจ้าของเกมเอง การที่ประเทศไทยจะจัดถึง 36 ชนิดกีฬา รวมกับ 2 กีฬาสาธิต ทั้งๆที่แต่ก่อนนั้นจัดกันไม่กี่ชนิดกีฬา

นั่นทำให้งบประมาณที่ต้องใช้มากมายตามไปด้วย ขนาดแค่ตอนแรกที่ยังไม่เลื่อนมาถึงปัจจุบัน งบที่วางไว้ราวๆ 1,200 ล้านนั้น คีย์แมนโอซีเอบางคนยังตกใจ ว่าประเทศไทยใช้อะไรมากมายขนาดนี้ แต่ปัจจุบันที่มีการทำตัวเลขขอรัฐบาลไปรวมแล้ว สูงถึงราว 2,400 ล้านบาท หนักกว่าเดิม 2 เท่า

โดยประเมินรายรับที่จับต้องได้ อยู่ที่ 82.5 ล้านบาท ในจำนวนนี้มาจาก ค่าลงทะเบียนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ 80 ล้านบาท บวกกับรายได้จากการแข่งขัน ในส่วนของการจัดเก็บค่าบริการ และ จำหน่ายบัตรเข้าชม 2.5 ล้านบาท

ส่วนจะได้ทางอ้อมจากจำนวนคนที่เข้ามา พ่วงไปท่องเที่ยวด้วย จะจับจ่ายใช้สอยอะไรนั้น ก็อยู่ที่การประเมินและคาดหวังกันไป

ที่สำคัญหลังเกมนี้ ปีหน้า 2568 เอเชียนอินดอร์ฯ ก็มีแข่งต่อทันทีในครั้งที่ 7 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ด้วยเป็นวงรอบเดิมทุก 4 ปี จากเดิมที่เราต้องจัดปี 2021 โอซีเอให้ซาอุดีอาระเบียจัดต่อในปี 2025 และปี 2025 เช่นกัน ไทยเราจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาซีเกมส์ด้วย

หากจะมองในแง่ความสำคัญ หรือความจำเป็นของเกม ก็ดูจะไม่มีผลอะไรมากนัก ด้วยมีจัดต่อเลยในปีถัดไป หรือไม่ถึงปีดีด้วยซ้ำ

เชื่อว่ารัฐบาลกำลังชั่งใจอย่างหนัก จะเดินหน้าจ่ายเงินจัดต่อหรือพอแค่นี้ อะไรเสียมาก อะไรเสียน้อย! ในแง่การลงทุนของไทย ก็ยิ่งต้องคิดให้หนัก ปีหน้าจัดซีเกมส์อีก กีฬาหลายอย่างก็ทับซ้อนกันแน่นอน แต่เงินที่ต้องจ่ายนั้น เท่ากับว่าเสียสองต่อ เงินมีไหม!!!

หากไม่จัด เลิกกันไป แน่นอน “เสียชื่อ” และเสียมัดจำ 5 แสนเหรียญ (ราว 18.5 ล้านบาท) กับสิ่งที่จ่ายไปบ้างแล้วเป็นเรื่องของการปรับปรุงสนาม เบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อมของนักกีฬา ค่าบริหารจัดการบางส่วน

แต่ถ้ามองในมุมของนักกีฬา และสมาคมกีฬา ซึ่งมีการเก็บตัวฝึกซ้อมมาก่อนหน้า ได้รับเบี้ยเลี้ยงและการสนับสนุนตามระเบียบ เป็นประโยชน์ที่สมควรได้รับ ซ้อมแล้วไม่ได้แข่ง เสียโอกาสตรงนั้น แต่ก็มีเกมถัดไปอยู่ เว้นแต่อีเวนต์เฉพาะกิจที่เราบรรจุเข้าไปเตรียมไว้ แล้วไม่มีที่ไหนจัดแข่งต่อนั่นแหละคือสูญเปล่า

กีฬาเอเชียนอินดอร์ฯครั้งนี้ ที่มีชนิดกีฬามากมายเป็นประวัติการณ์ ซึ่งชนิดกีฬาที่เพิ่มขึ้น ย่อมเป็นประโยชน์กับสมาคมกีฬานั้นๆมากตามไปด้วย นี่ถือเป็นอีเวนต์สุดท้าย ไม่ใช่ของนักกีฬา หรือสมาคมกีฬา แต่เป็นของคณะกรรมการโอลิมปิกไทยยุคนี้ ที่มีเชื้อหลอมรวมกันมาตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหาร ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ต้นปีหน้า ส่วนจะส่งผลอะไรต่อกันหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคะแนนเสียงที่มีฐานของสมาคมกีฬาเป็นหลัก หรือบริบทอื่นๆ ก็สุดแล้วแต่จะประเมินกัน

จัด ไม่จัด อะไรเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และจำเป็นมากกว่า ต้องตัดสินใจโดยเร็ว ปล่อยล่าช้าข้อเสียยิ่งมากขึ้น

ดราม่าชุดกีฬาจะเป็นคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ มากกว่าเพียงเสียงค่อนแคะในสังคมชั่วครู่ชั่วยาม หากสะท้อนให้เห็นถึงอะไรที่ดำรงอยู่ ซ่อนอยู่ในวงการกีฬาไทย มันถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าหรือยัง...

“เบี้ยหงาย”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เรียงหน้าชน” เพิ่มเติม