ไทยรัฐฉบับพิมพ์
หากพูดถึงวงการกีฬาโลกยากนักที่นักกีฬาจากเอเชียที่ก้าวขึ้นไปยืนอยู่ในระดับท็อปได้โดยเฉพาะลีกกีฬาอาชีพ ยิ่งเป็นลีกอาชีพในสหรัฐอเมริกายิ่งยากเข้าไปหนัก โดยในประวัติศาสตร์ก็มีเพียงแค่ไม่กี่รายที่พูดถึงในวงการกีฬาของสหรัฐอเมริกา
คนแรกก็คือเหยา หมิง นักบาสเกตบอลชาวจีน เจ้าของความสูง 7 ฟุต 6 นิ้ว ที่โด่งดังกับฮิวส์ตัน ร็อกเกตส์ อีกคนก็คือเฌเรมี หลิน พอยต์การ์ดชาวอเมริกันเชื้อสายไต้หวันที่โด่งดังมาจากนิวยอร์ก นิกส์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสร้างปรากฏการณ์ “ลินซานิตี” (Linsanity) สร้างผลงานยอดเยี่ยม 12 เกมตัวจริง โดยเฉพาะการทำ 38 คะแนน 7 แอสซิสต์ ทำให้นิกส์ปราบแอลเอ เลเกอร์ส 92-85 โดยเขาทำคะแนนมากกว่าโคบี ไบรอัน ตำนานนักบาสผู้ล่วงลับที่ตอนนั้นทำได้ 34 คะแนนเสียอีก
อีกคนที่สร้างชื่อในวงการกีฬาของสหรัฐอเมริกาก็คืออิจิโร ซูซูกิ นักเบสบอลชาวญี่ปุ่นที่เล่นให้กับ ไมอามี มาร์ลินส์ ในเมเจอร์ลีก ลีก เบสบอล และลงเล่นมาถึง 3,000 ครั้งในเอ็มบีแอล โดยตอนโด่งดังเจ้าตัวรับรายได้ 7 ล้านเหรียญ (ประมาณ 243 ล้านบาท) ต่อปี
เรียกกันว่าซูซูกิเป็นผู้ที่เบิกทางให้นักเบสบอลรุ่นจากแดนปลาดิบทั้งหลายให้เข้ามาเติบโตในเอ็มบีแอลจนถึงปัจจุบันนี้
ซึ่งหนึ่งในนักกีฬาเบสบอลที่เดินตามรอย ซูซูกิเข้าสู่วงการเบสบอลของสหรัฐอเมริกาก็คือชายที่ชื่อโชเฮ โอทานิ นักเบสบอลมากฝีมือชาวญี่ปุ่นที่ปัจจุบันกลายเป็นมนุษย์ในวงการกีฬาที่รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก
โอทานิชื่นชอบกีฬาเบสบอลมาตั้งแต่เด็กก่อนจะมาฉายแววเก่งในตำแหน่งพิชเชอร์มือขว้างลูกด้วยความเร็ว 160 กม.ต่อชั่วโมง จนทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียง จนเจ้าตัวตั้งเป้ากับตัวเองว่าหากเรียนจบมัธยมเมื่อไรก็จะหาหนทางไปเล่นในเอ็มบีแอลให้ได้
ซึ่งหลังจากโชว์ลูกขว้างด้วยความเร็วอันสุดยอดแล้วจนทำให้บรรดาทีมดังจากเอ็มบีแอลก็เริ่มให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเท็กซัส เรนเจอร์ส, บอสตัน เรด ซอกซ์, นิวยอร์ก แยงกีส์ และรวมไปถึง ลอสแอนเจลิส ด็อดเจอร์ส
แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มจากแดนปลาดิบคนนี้เลือกที่จะเก็บประสบการณ์ในลีกอาชีพของญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งเป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้นกับทีมฮอกไกโด นิปปอน-แฮม ไฟเตอร์
ตอนอยู่กับฮอกไกโด เจ้าตัวก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ในปี 2016 และคว้าตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยม (MVP) อีกด้วย ขณะเดียวกันตลอดการเล่น 5 ปีกับทีมก็สามารถติดทีมยอดเยี่ยมของลีกได้ทั้งหมด
จากผลงานอันยอดเยี่ยมจนในปี 2017 โอทานิ ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับลอสแอนเจลิส แองเจิลส์ ทีมดังแห่งศึก MBL ก่อนเจ้าตัวจะทำผลงานได้ยอดเยี่ยม คว้ารางวัล แอล รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ 2018 ไปอย่างพลิกความหมาย
นอกจากที่โอทานิสร้างชื่อในตำแหน่งพิชเชอร์แล้ว เจ้าตัวก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมกับตำแหน่งตัวตีหรือ แบ็ตเตอร์อีกด้วย เรียกได้ว่าเจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในนักเบสบอลที่ครบเครื่องที่สุดในโลกในชั่วโมงนี้
แม้ว่าตลอด 6 ซีซันกับทางแอลเอ แองเจิลส์ เขาจะไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆได้ แต่เจ้าตัวก็ยังสามารถคว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมของเอ็มบีแอล 3 สมัยติดต่อกัน 2021, 2022 และ 2023 แถมยังติด ออล-สตาร์ได้ถึง 3 ครั้ง
เมื่อเจ้าตัวเลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับแองเจิลส์ ทำเอาบรรดาทีมดังในเมเจอร์ลีก เบสบอล ลีก ต่างรุมแย่งตัวของนักกีฬาวัย 29 ปีรายนี้ ก่อนสุดท้ายเจ้าตัวตัดสินใจอยู่กับลอสแอนเจลิส ด็อดเจอร์ส ด้วยสัญญาสะท้านโลกจำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 24,374 ล้านบาท) ในสัญญา 10 ปี
ทำให้เจ้าของฉายา “โช-ไทม์” กลายเป็นนักกีฬาอาชีพที่รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก แซงหน้า จอน ราห์ม นักกอล์ฟ ชาวสเปนที่เพิ่งเซ็นสัญญากับ ลิฟ กอล์ฟ ที่รับค่าเหนื่อยสูงถึง 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 21,200 ล้านบาท) และคริสเตียโน โรนัลโด ที่เซ็นสัญญา 2 ปีครึ่ง จำนวน 536 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 18,655 ล้านบาท) กับอัล นาสเซอร์ รวมถึงมากกว่าพาทริค มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กชื่อดังของแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ทีมดังในศึกอเมริกันฟุตบอล ที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดของลีกที่ 450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 15,662 ล้านบาท)
จากค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาลสะท้านวงการกีฬาโลกขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าเจ้าของสถิตินี้จะเป็นของชายชาวเอเชียแท้ๆที่เป็นผู้ครอบครองสถิติอันยิ่งใหญ่นี้
แม้ว่าโอทานิได้แจ้งกับด็อดเจอร์ส ขอรับเงินเพียงปีละ 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 70 ล้านบาท) ต่อปี รวมสัญญา 10 ปี ก็ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เหลืออีก 680 ล้านเหรียญสหรัฐฯก็แบ่งจ่ายอีก 10 ปี ปีละ 68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากจบสัญญาเดิมแล้ว เพื่อที่จะไม่ต้องเป็นภาระให้กับทีม
เรียกได้ว่านอกจากจะรวยแล้วยังเป็นพ่อพระอีกด้วย!!!
ชานนท์ กล่ำดิษฐ์...เรื่อง
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่