ไทยรัฐออนไลน์
ดังแค่ไหนไม่สน หลายคนมองว่า NFL ลงทุนกับศิลปินที่จ้างมาโชว์ช่วงพักครึ่งนัดชิงเยอะ จริงๆ แล้วคือไม่เสียแม้แต่บาทเดียวเลยด้วยซ้ำ
วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ควันหลงหลังจากการแข่งขัน อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล รอบชิงชนะเลิศ ครั้งที่ 57 หรือ "ซูเปอร์โบว์ล 57" ที่สนามยูนิเวอร์ ซิตี้ ออฟ ฟีนิกซ์ สเตเดียม เกมระหว่าง แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ แชมป์สาย AFC พบกับ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ แชมป์สาย NFC ซึ่งผลปรากฏว่า ชีฟส์ เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 38-35 คว้าแชมป์สมัยที่ 3 ไปได้สำเร็จ
โดยในทุกนัดชิง จะมีอีก 1 จุดน่าสนใจนั่นก็คือการโชว์สดช่วงพักครึ่งหรือที่เรียกว่า ฮาล์ฟไทม์โชว์ ซึ่งปีนี้มี ริฮานน่า นักร้องสาวชื่อดังมาแสดงสดในครั้งนี้ ซึ่งมาโชว์เพลงดังๆ หลายเพลง เป็นเวลา 15 นาที อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า NFL ไม่เคยจ่ายค่าตัวของนักแสดงโชว์ช่วงพักครึ่งเลยแม้แต่แดงเดียว
ก่อนหน้านี้มีนักแสดงมาโชว์ใน ฮาล์ฟไทม์โชว์ มากมายไม่ว่าจะเป็น เลดี้ กาก้า, จัสติน ทิมเบอร์เลค , อดีม เลอวีน หรือแม้กระทั่งราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน ก็เคยมาปรากฏตัวในช่วงพักครึ่งของ ซูเปอร์โบว์ล มาแล้วทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า NFL ไม่เคยจ่ายค่าจ้างให้นักแสดง มีเพียงการออกค่าตั๋วเครื่องบินพร้อมกับค่าอุปกรณ์โชว์ตามความเหมาะสมเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมีการเปิดเผยว่า สิ่งที่นักแสดงทุกคนที่มาแสดงแล้วได้มากกว่าค่าจ้างนั้นก็คือ ปรากฏการณ์ ‘Halftime Effect’ ที่ยอดวิวหรือยอดขายต่างๆ ของศิลปินจะพุ่งขึ้นอย่างทะยาน ไม่ว่าจะเป็น เลดี้ กาก้า ที่ยอดขายดิจิทัลทั้งอัลบั้มและเพลงเพิ่มขึ้นถึง 1,000% หลังแสดงงานปี 2017 หรือ เจนนิเฟอร์ โลเปซ ที่มียอดติดตามเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบัญชี และ ชากีรา มียอดสตรีมเพิ่มขึ้น 267% เมื่อทั้งคู่ขึ้นเวทีนี้ด้วยกันในปี 2020 หรือแม้กระทั่งศิลปินผู้แสดงเมื่อปีที่แล้วอย่าง Dr. Dre ก็มียอดขายอัลบั้มเพิ่มขึ้นถึง 183% เลยทีเดียว
โดยสิ่งที่ NFL มีให้กับศิลปิน นอกจากแอร์ไทม์แล้วนั้นยังมีเกียรติยศ ที่แสดงให้เห็นว่าศิลปินที่สามารถจะขึ้นเวทีนี้ได้ต้องมาถึงจุดสูงสุดของวงการดนตรีแล้วเท่านั้น.
โดยมีรายงานว่าผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง คำค้นหาใน Youtute มีแต่เพลงของ ริฮันน่า ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่เพลงเก่าๆ ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่ขาดสายผลงานเพลงโดยรวมของ Rihanna ก็กระโดดสูงขึ้น 640% ซึ่งหากแยกเป็นแต่ละเพลง Bitch Better Have My Money ที่ใช้เปิดโชว์ก็ขึ้นมาสูงสุดที่ 2,600% ต่อด้วย Diamonds กับยอด 1,400% ที่ใช้ปิดโชว์
นอกจากนี้ อีกหนึ่งความน่าสนใจคือยอดเสิร์ชของแบรนด์เครื่องสำอาง Fenty Beauty บนอินเทอร์เน็ตกระโดดสูงขึ้น 830% เลยทีเดียว