ไทยรัฐฉบับพิมพ์
และแล้วมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 กีฬาโอลิมปิกครั้งประวัติศาสตร์ภายใต้การปกคลุมของเชื้อโรคร้าย “โควิด-19” อันเป็นความท้าทายของชาวโลกกับโอลิมปิกที่แตกต่างกว่า ทุกครั้ง ก็กำลังจะจบสิ้นลง ในวันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค.นี้ ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย หลากหลายด้วยแง่มุม และมิติ
โดยในความหลายหลากนี้ ไม่ว่าจะมองเห็น หรือรับรู้รับฟัง ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ต้องมีทั้งดีและร้ายปนเปกันไป จะเป็นชัยชนะ ความพ่ายแพ้การทุ่มเท แสดงสปิริต หรือมีนักกีฬาลี้ภัย ติดเชื้อถอนตัว บาดเจ็บ ต่อว่าต่อขานกัน กระทั่งการตัดสินที่ค้านสายตา หรือบรรยากาศที่ไร้คนดูในสนาม
แต่ลองตั้งสติ และตริตรองกันหน่อย ก็จะพบว่าทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ ได้ก่อให้เกิดความรู้สึก เป็นคุณค่าทางจิตใจขึ้นมาโดยธรรมชาติ และสร้างพลังขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว ด้วยสะท้อนถึงการดำรงอยู่โลกยังเคลื่อนที่อยู่เสมอ นี่คือชีวิตที่ผู้คนต้องก้าวเดินกันต่อในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะมีวิกฤติอะไรก็ตาม ย่อมมีทางออก ทางไป ไม่มีอะไรมาปิดกั้นได้
แก่นแท้ของโอลิมปิก นอกเหนือจากการแข่งขัน ประลองกันในเชิงกีฬาแล้ว การนำเอากีฬาเป็นสื่อเชื่อมต่อกับผู้คน และประเทศต่างๆในโลกใบนี้ เข้ามารวมตัวร่วมกัน มีสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน อันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่
ขณะที่นักกีฬานั้น เที่ยวนี้ก็ต้องถือว่ามีข้อจำกัดที่สำคัญ กับปัญหาในเรื่องการเก็บตัวฝึกซ้อม แต่ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้งโลก แต่การแข่งขัน การแสดงซึ่งศักยภาพและความสามารถที่ออกมา ก็ถือว่าอยู่ในมาตรฐานที่ดีเยี่ยม ยังมีการทำลายสถิติให้เห็นอยู่หลายรายการ
สำหรับทัพนักกีฬาไทย 2 เหรียญที่ได้มานั้น 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทองแดง กับที่เกือบจะได้อีกจำนวนหนึ่ง และที่ยังห่างไกลจากเหรียญ แต่ได้แสดงออกซึ่งความทุ่มเทอย่างถึงที่สุด ก็ได้ใจคนไทยกันไปโดยทั่วหน้า
ขอนักกีฬาทั้งหลาย ไม่ว่าจะได้เหรียญหรือไม่ แพ้ชนะอย่างไร จงภาคภูมิกับความเป็นนักกีฬาไทย ที่ทุกท่านได้มาแข่งขันมาแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
คนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน เผชิญกับปัญหาอะไร หนักแค่ไหน แต่ช่วงเวลาหนึ่ง พวกเราคนไทยได้ร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ อันหมายถึง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนักกีฬาทุกคนทั้งสิ้น
นี่คือคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ และยิ่งใหญ่เหลือเกินในภาวะวิกฤติเยี่ยงนี้
โตเกียวเกมส์ครั้งนี้ นักกีฬาไทยเราจำนวนมากมีอายุน้อย แตกต่างจากในอดีตที่โอลิมปิกมักเป็นเกมของรุ่นเก๋า มากประสบการณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่ยินดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้ข้อดีเช่นนี้ เพื่อการสานต่อ และต้องต่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย กีฬาโอลิมปิกครั้งต่อไป ปารีส 2024 หรืออีก3ปีข้างหน้า
ซึ่งถือว่าเร็วกว่าทุกครั้ง รออีกไม่นานก็จะถึงแล้ว และระหว่างทางยังมีเกมอย่างเอเชียนเกมส์หางโจว หรือแม้กระทั่งซีเกมส์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต่อเนื่องเชื่อมต่อกัน
นั่นหมายถึงการทำงานที่เป็นระบบจะต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว
เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสมาคมกีฬา ต้นสังกัดของนักกีฬาโดยตรง หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่จะต้องรีบประเมินในแง่มุมต่างๆ เพื่อนำไปสู่การวางแผน เตรียมการ เพื่อเพิ่มศักยภาพ และโอกาสให้เกิดขึ้น
ปัญหาเดิมๆจากข้อจำกัดในสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกระทบต่อการเตรียมตัว ฝึกซ้อมหรือกระทั่งแข่งขัน มาถึงตรงนี้ ถือว่ามีประสบการณ์แล้ว ไม่มีข้ออ้างอะไรอีกต่อไป เห็นถึงปัญหา ทราบถึงข้อจำกัด แต่หากยังไม่มีแนวทางในการแก้ไขขับเคลื่อนไปกับสถานการณ์ให้ได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเองกันได้แล้ว
อย่าปล่อยให้โอลิมปิก 2020 จบแล้วจบไป ต้องเอาเกมนี้เป็นจุดเริ่มต้น เพื่อนำไปสู่โอลิมปิกที่ดีกว่าของทัพนักกีฬาไทยในอีก 3 ปีข้างหน้า
ครั้งนี้ได้เห็นนักกีฬาไทย ทุ่มเท แสดงศักยภาพ อย่างสุดความสามารถด้วยความเต็มตื้น และยกย่อง เราเชื่อและเราได้ยินอยู่บ่อยครั้งกับคำกล่าวที่ว่า “ทุ่มเทเต็มที่แล้ว” หรือ “ทำสุดความสามารถแล้ว”
ถึงจะแพ้ก็ยังมีรอยยิ้ม และความชื่นชมให้แก่กันในความพยายามของพี่น้อง ลูกหลานเรา อันเป็นที่ประจักษ์
แต่ก็หวังว่าครั้งต่อไป ปารีส 2024 เราคงจะได้ยินคำบางคำเพิ่มเติมเข้ามามากยิ่งขึ้น อย่าง “เราทำได้ เราทำได้แล้ว...”
คำที่อยากได้ยินนี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต้อง ด้วยความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้องทุกคน!!!
“เบี้ยหงาย”