หน้าแรกแกลเลอรี่

"บิ๊กชาย" เล็งแก้ไขจุดอ่อนกำปั้นไทยใน "โอลิมปิก 2020" ก่อนลุย 2 มหกรรมใหญ่

ไทยรัฐออนไลน์

6 ส.ค. 2564 13:11 น.

"นายสมชาย พูลสวัสดิ์" ประธานเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ เตรียมถอดบทเรียนและจุดอ่อนจากโอลิมปิกเกมส์ 2020 กลับมาพัฒนาและอุดช่องโหว่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเอเชียนเกมส์ 2022 ที่หางโจว ประเทศจีน และโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส พอใจผลงานนักชกไทยชุดโตเกียวเกมส์ถือว่าเป็นไปตามเป้า วางแผนส่งนักชกชาย-หญิงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างแดนให้มากที่สุดเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง


วันที่ 6 ส.ค. 64 หลังจากทีมมวยเสื้อกล้ามไทยสามารถคว้าโควตามาลุยโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้ถึง 5 คน แต่สามารถเดินทางมาแข่งได้ 4 คนเนื่องจาก “เจ้าเหลิม” ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด นักชกความหวังเกิดอุบัติเหตุระหว่างการฝึกซ้อม เอ็นไขว้หัวเข่าซ้ายฉีกขาดต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งผลงานโดยรวม “น้องครีม” ใบสน มณีก้อน ผ่านเข้ารอบ 16 คน ส่วน “น้องเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ กับ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี เข้ารอบ 8 คน และ “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี สร้างประวัติศาสตร์ได้เหรียญทองแดงครั้งแรกของมวยเสื้อกล้ามไทยนั้น

"บิ๊กชาย" นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีมและประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ กล่าวว่า "ถ้าพูดถึงภาพรวมถือว่าพอใจมาก เรามา 4 คนสามารถเข้ารอบลึกๆ ได้ทุกคนนับว่ายอดเยี่ยมแล้ว เพราะนักชกหญิงอีก 2 คน “เฟี้ยว กับ ครีม” ถือเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่ที่น่าติดตามและมีอนาคตไกลสามารถเป็นความหวังในเอเชียนเกมส์ 2022 ที่หางโจว ประเทศจีน และโอลิมปิกเกมส์ 3 ปีข้างหน้า 'ปารีสเกมส์ 2024' เชื่อประสบการณ์และบทเรียนอันล้ำค่าจากครั้งนี้จะพัฒนาให้ทุกคนกล้าแกร่งมากยิ่งขึ้น"

"แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ยังเป็นปัญหาที่หนักหน่วงซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะคลี่คลายหรือหมดไปเมื่อไหร่ และก็เชื่อว่าอีกหลายชาติก็คงประสบปัญหาเดียวกับเรา แต่นั้นก็ไม่ใช่หนทางที่จะหยุดความฝันหรือความคิดที่จะพัฒนาวงการมวยของไทยได้ การมาโอลิมปิกเกมส์หนนี้ตนได้อะไรกลับไปหลายอย่าง โดยเฉพาะการทำอย่างไรจะทำให้มวยสากลของไทยประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิม"

"อย่างแรกที่ตนมองไว้สำหรับ “ปารีสเกมส์ 2024” คือต้องคว้าโควตามาให้ได้มากที่สุด และจะต้องเร่งพัฒนานักชกที่มีอยู่ในทีมชาติให้กล้าแกร่ง โดยเฉพาะเยาวชนรวมถึงดาวรุ่งอีกหลายคนที่กำลังจะก้าวขึ้นมาทดแทนนักชกรุ่นพี่ที่ปลดระวาง ที่สำคัญที่สุดการส่งนักมวยทั้งชายและหญิงออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์สร้างกระดูกมวยในต่างประเทศให้มากที่สุด"

อย่างไรก็ตามกลับไปต้องเร่งหารือกับ "บิ๊กบางจาก" พิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวย เพื่อหาแนวทางพัฒนานักชกไทยอย่างต่อเนื่อง หากการเดินทางไปต่างประเทศยังยากลำบากด้วยเรื่องสถานการณ์โควิด คงต้องจัดทัวร์นาเมนต์นานาชาติในไทย ภายใต้มาตรการที่เข้มข้นแบบ “บับเบิล” ด้วยการเชิญทีมต่างชาติที่มีศักยภาพมาร่วม โดยเฉพาะอุซเบกิสถาน คาซัคสถาน ที่ถือเป็นมหาอำนาจวงการกำปั้นในเวลานี้ หากเรามีทัวร์นาเมนต์ให้นักชกไทยได้ลับคมอยู่ตลอดเชื่อว่าความหวังในการลุ้นเหรียญทองคงไม่ไกลเกินเอื้อม “โอลิมปิกเกมส์ 2018” ที่บราซิล เราไม่มีเหรียญกลับมา แต่ครั้งนี้เราเริ่มหันมาเก็บเกี่ยวได้อีกครั้งเชื่อว่าน่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย" “บิ๊กชาย” กล่าวตอนท้าย