หน้าแรกแกลเลอรี่

“เหรียญประวัติศาสตร์”

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

5 ส.ค. 2564 05:01 น.

กว่าผมจะได้มาพบกับแฟนานุแฟน “กราวกีฬาไทยรัฐ” ทุกท่าน บนพื้นที่ “ฟอลโลว์ โตเกียวเกมส์” ตรงนี้ โอลิมปิก 2020 ก็กำลังจะล่วงเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการชิงชัยกันแล้วล่ะครับ 

มาถึงตอนนี้ทัพนักกีฬาไทยแลนด์ของเราหยิบเหรียญมาคล้องคอแน่นอนแล้ว 2 เหรียญ ซึ่งล้วนแต่เป็น “เหรียญประวัติศาสตร์” ทั้งสิ้น!!

ไม่ว่าจะเป็น “เหรียญทองแรก” ของวงการเทควันโดไทยจาก “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์-พัฒนกิจ จอมเตะสาวเจ้าของ “เบอร์ 1” โลกในรุ่น 49 กก.หญิง ที่กวาดมาแล้วทุกแชมป์บนผืนพิภพนี้

ซึ่งทองโตเกียวเกมส์นี่แหละ ที่จะทำให้เธอกลายเป็นเศรษฐินีย่อยๆไปในบัดดล เพราะเมื่อไล่เรียงยอดอัดฉีด ณ ปัจจุบัน ขนาดเศรษฐกิจบ้านเรากำลังตกสะเก็ดอย่างหนักจากพิษโควิด-19 ดีดลูกคิดออกมาตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะ 21 ล้านเข้าให้แล้ว!

ส่วนอีกคนที่เพิ่งหยิบเหรียญรางวัลแน่นอน ก็คือ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี ที่หักด่านเอาชนะดาวรุ่งจากสหราชอาณาจักรมาได้อย่างสุดสูสี ทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือกในการชกรุ่น 60 กก.หญิง การันตี “เหรียญทองแดง” อยู่ในกำมือชัวร์ๆ

โดยทำเนียบกำปั้นไทยในอดีตที่ผ่านมา กีฬามวยสากลสมัครเล่นสร้างความสำเร็จในโอลิมปิกมาแล้วถึง 14 เหรียญ ซึ่งล้วนแต่เป็นนักชกชายอกสามศอกล้วนๆไล่เรียงได้ดังนี้

ปี 1976 พเยาว์ พูนธรัตน์ : เหรียญทองแดง รุ่นไลต์ฟลายเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ มอนทรีออล ประเทศแคนาดา

ปี 1984 ทวี อัมพรมหา : เหรียญเงิน รุ่นไลต์เวลเตอร์เวท โอลิมปิกเกมส์ ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา

ปี 1988 ผจญ มูลสัน : เหรียญทองแดง รุ่นแบนตัมเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี

ปี 1992 อาคม เฉ่งไล่ : เหรียญทองแดง รุ่นไลต์เวลเตอร์เวท โอลิมปิกเกมส์ ณ เมืองบาร์เซโลนา ราชอาณาจักรสเปน

ปี 1996 สมรักษ์ คำสิงห์ : เหรียญทอง รุ่นไลต์ฟลายเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ เมืองแอตแลนตาสหรัฐอเมริกา

ปี 1996 วิชัย ราชานนท์ : เหรียญทองแดง รุ่นแบนตัมเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ เมืองแอตแลนตาสหรัฐอเมริกา

ปี 2000 วิจารณ์ พลฤทธิ์ : เหรียญทอง รุ่นไลต์ฟลายเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย

ปี 2000 พรชัย ทองบุราณ : เหรียญทองแดง รุ่นไลต์มิดเดิลเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย

ปี 2004 มนัส บุญจำนงค์ : เหรียญทอง รุ่นไลต์เวลเตอร์เวท โอลิมปิกเกมส์ ณ กรุงเอเธนส์ สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ)

ปี 2004 วรพจน์ เพชรขุ้ม : เหรียญเงิน รุ่นแบนตัมเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ กรุงเอเธนส์ สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ)

ปี 2004 สุริยา ปราสาทหินพิมาย : เหรียญทองแดง รุ่นไลต์มิดเดิลเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ กรุงเอเธนส์ สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ)

ปี 2008 สมจิตร จงจอหอ : เหรียญทอง รุ่นไลต์ฟลายเวท โอลิมปิกเกมส์ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

ปี 2008 มนัส บุญจำนงค์ : เหรียญเงิน รุ่นไลต์เวลเตอร์เวท โอลิมปิกเกมส์ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

และ ปี 2012 แก้ว พงษ์ประยูร : เหรียญเงิน รุ่นไลต์ฟลายเวท โอลิมปิกเกมส์ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

เรียกว่าขุนพลเสื้อกล้ามของเราประสบความสำเร็จไม่เคยขาด จนมาถึงโอลิมปิก 2016 ที่ริโอ เด จาเนโร ซึ่งสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทยพบกับฝันร้ายสุดๆ ไม่มีเหรียญใดๆติดมือกลับบ้านเลยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ทศวรรษ

นั่นจึงเป็นเหตุให้ผู้บริหารสมาคมฯยุคนี้ที่นำโดย “บิ๊กบางจาก” พิชัย ชุณหวชิร ประมุขกำปั้นไทย และ “บิ๊กชาย” สมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานเทคนิคคนขยัน ทุ่มเทอย่างหมดหน้าตักให้กับนักมวยชุดนี้ เพื่อหวังจะกู้ศักดิ์ศรีที่เคยเรืองรองในอดีตกลับคืนมาให้จงได้

และวันนี้นักชกไทยก็ทำมันได้แล้วจริงๆ จากผลงานของ “แต้ว” สุดาพร ที่เป็น “รถไฟขบวนสุดท้าย” ด้วยวัยเหยียบ 30 ยังแจ๋ว!!

ที่สำคัญมันยังเป็น “เหรียญประวัติศาสตร์” เหรียญแรก ที่กำปั้นสาวไทยทำได้ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ อีกต่างหาก ธรรมดาซะที่ไหน

และมาถึงชั่วโมงนี้...บอกได้เลยว่านักชกสาวจากอุดรธานีไม่จำเป็นต้องกลัวใคร...หน้าไหน...อีกแล้ว ในรุ่นนี้

การชกตัดเชือกในรอบรองฯ ที่กำลังจะขึ้นเวทีเจอกับคู่ปรับเก่า “เคลลี แอนน์ ฮาร์ริงตัน” แชมป์โลกจอมเก๋าจากไอร์แลนด์

แม้ “แต้ว” จะเคยแพ้มาในรอบชิงมวยเวิลด์คัพเมื่อ 3 ปีก่อน...แต่นั่นมันคืออดีตไปแล้ว ปัจจุบันทุกอย่างมาเริ่มกันใหม่ เมื่อเสียงระฆังยกแรกดังขึ้น

เชื่อเหอะ...อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ!!!

บี บางปะกง