ไทยรัฐออนไลน์
"เศวต เศรษฐาภรณ์" นักกีฬาเป้าบินหนุ่มใหญ่วัย 58 ปี ออกมาเปิดเผยว่าตัวเขาทำเต็มที่สุดๆ แล้วกับการลุยมหกรรม "โอลิมปิก" ครั้งแรกในชีวิต
วันที่ 29 ก.ค. 64 "แซม" เศวต เศรษฐาภรณ์ เปิดใจทำเต็มที่แล้ว แต่การยิงเป้าบินเป็นการทำเพื่อตัวเอง สภาพจิตใจมีส่วนสำคัญ พอใจที่ได้ทำเต็มที่ สู้ได้ดีที่สุดในการแข่งโอลิมปิกครั้งแรกในชีวิต
ทั้งนี้ "แซม" เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬาเป้าบิน วัย 58 ปี คว้าอันดับ 17 ในการแข่งขันยิงเป้าบินประเภทแทร็ปชาย ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 32 “โตเกียว 2020” ได้เปิดเผยว่า “เกมของการยิงเป้าบินมันเป็นการต่อสู้กับตัวเอง สภาพจิตใจ เพราะทุกคนมีทักษะเหมือนๆ กัน หมดแล้ว เพราะฉะนั้นรายการนี้ ผมตั้งใจทำเต็มที่ พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว”
"สำหรับกีฬายิงเป้าบินก็ไม่ใช่แค่เรื่องฝีมืออย่างเดียว ในวันที่ลงแข่งขันอาจต้องอาศัยโชคด้วย ส่วนคู่แข่งไม่ใช่นักกีฬาที่ไหน แต่ก็คือตัวเอง ซึ่งเราก็ต้องสู้กับจิตใจตัวเอง โอลิมปิกครั้งแรกสำหรับผมในรอบนี้ รู้สึกดี เพราะตอนมาก็ถือว่ามาเหนือความหมาย แถมหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย พี่ต้อม ธนา ไชยประสิทธิ์ ยังมอบหมายให้ถือธงไตรรงค์เข้าสู่พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ด้วย"
"วันแรกกับวันที่ 2 ที่ลงแข่งขัน ผมว่าไม่ต่างกัน ไม่ได้มีความกดดัน คู่แข่งแต่ละคนฝีมือไม่ต่างกัน แต่ผมมองเป็นเรื่องของโชค ซึ่งวันนี้เราก็พลาดด้วยตัวเองด้วย กับพลาดเพราะลมที่พัดเหินส่งขึ้นไป ทำให้ยิงไม่โดนเป้าและไล่ไม่ทัน สำหรับโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผม ผมถือว่าน่าพอใจครับ และทุกๆ วันที่ได้อยู่ที่นี่ ถือว่ามาไกลกว่าที่คิดไว้ ต้องขอบคุณหัวหน้าคณะนักกีฬา พี่ต้อม ธนา ไชยประสิทธิ์ ทีมแพทย์ ทีมงานเจ้าหน้าที่ทุกๆ คนน่ารักมาก รวมท่านทูตก็ส่งอาหารมาให้ทานทุกวัน เป็นการต้อนรับที่อบอุ่นมากๆ รวมถึงพี่เบิ้ม นักจิตวิทยายิงเป้าบิน ก็ได้พูดคุย ซึ่งท่านก็ได้ให้ข้อคิดอะไรหลายๆ อย่าง"
"หลังจากนี้กลับไปที่ไทย ก็จะเข้าสู่มาตรการกักตัว 14 วัน ก็คงจะพักผ่อนให้เต็มที่ แล้วค่อยคุยถึงแผนกับโค้ชชาวอิตาลีอีกที ซึ่งรอบนี้เขาเองก็บินมาช่วยติวเข้มตนด้วย หลังไม่เจอกันมานานนับปีครึ่ง เพราะโควิด-19 ซึ่งเขาเองก็บอกว่าในการแข่งขันรอบนี้ เป็นเสมือนสุดยอดพีระมิดของโอลิมปิก มีแต่ยอดฝีมือเข้าร่วมทั้งสิ้น ซึ่งข้อผิดพลาดนิดนึงที่เกิดขึ้นก็อยากให้นำไปปรับและเรียนรู้กันต่อไป ส่วนโค้ชอิตาลีที่ใช้งบส่วนตัวจ้างเกือบวันละ 3 หมื่นบาท ก็ได้ทางกกท.เข้ามาสนับสนุนในช่วงเตรียมโอลิมปิกเกมส์ ส่วนหลังจากนี้จะทำงานร่วมกันต่อหรือไม่ ก็คงต้องคุยกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากนี้"
"เมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ผมได้โควตา เหมือนเป็นการทำเพื่อตัวเอง แต่ว่าพอมาโอลิมปิกแล้ว ถือว่าเป็นการทำหน้าที่เพื่อประเทศ ก็อยากฝากขอบคุณแฟนกีฬาชาวไทยที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมา สำหรับตนเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราอยากจะทำ ขอให้วางแผน ตั้งใจทำ ก็เชื่อว่าสักวันจะได้ในสิ่งที่เราตั้งใจ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ส่งมาให้เป็นแรงใจที่ทำให้ผมสามารถทำผลงานให้ได้อย่างดีที่สุด ถือว่าทำเต็มที่แล้วครับ"