ไทยรัฐออนไลน์
เช ยอง ซอก เปิดใจกับสื่อเกาหลีใต้ หลังบรรลุเป้าหมายพาทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองเทควันโดโอลิมปิกได้สำเร็จ พร้อมเผยโอกาสในการเป็นคนไทยเต็มตัว
วันที่ 25 ก.ค. 64 ควันหลงกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญทองแรกให้กับทัพนักกีฬาไทยในครั้งนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่จากการแข่งขันเทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัม หญิง ด้วยการเฉือนชนะ อาเดรียนา เซเรโซ อิเกลเซียส ดาวรุ่งวัย 17 ปีจากสเปนในรอบชิงชนะเลิศ 11-10 โดยเตะลำตัวทำแต้มสำคัญพลิกแซงคว้าชัยแบบหวุดหวิดในช่วง 7 วินาทีสุดท้าย
ล่าสุด ยอนฮับ นิวส์ เอเจนซี่ สำนักข่าวชื่อดังของเกาหลีใต้ ประเทศบ้านเกิดของ "โค้ชเช" เช ยอง ซอก เผยบทสัมภาษณ์หลังจบการแข่งขันของหัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย ที่ประสบความสำเร็จนำจอมเตะจากแดนสยามคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ในกีฬาโอลิมปิกได้เป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ "โค้ชเช" ที่เข้ามารับงานเฮดโค้ชเทควันโดทีมชาติไทยเมื่อปี 2002 สามารถพานักกีฬาทำผลงานในโอลิมปิกเกมส์ได้มา 2 เหรียญเงิน (บุตรี เผือดผ่อง ปี 2008, เทวินทร์ หาญปราบ ปี 2016) และ 3 เหรียญทองแดง (เยาวภา บุรพลชัย ปี 2004, ชนาธิป ซ้อนขำ ปี 2012, พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ปี 2016)
"โค้ชเช" ให้สัมภาษณ์กับ ยอนฮับ นิวส์ เอเจนซี่ ถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า "ผมอยู่เมืองไทยมาเกือบ 20 ปี และรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะตอบแทนความรักและแรงสนับสนุนจากคนไทยทุกคนด้วยการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเทควันโดไทย"
ส่วนเรื่องการขอโอนสัญชาติจากเกาหลีใต้มาถือสัญชาติไทยแบบเต็มตัวนั้น "โค้ชเช" กล่าวว่า "ผมอยากช่วยคนไทยและกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวกับวงการกีฬามากขึ้น แต่มันอาจจะติดขัดด้วยข้อจำกัดต่างๆ สำหรับคนต่างชาติ ผมถูกถามเรื่องการโอนสัญชาติตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผมก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าต่อไปโดยคำนึงถึงภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น"
ช่วงท้าย สื่อดังแดนกิมจิระบุว่า เจ้าของฉายา "โค้ชจอมเฮี้ยบ" หวังที่จะพาเทควันโดไทยประสบความสำเร็จในเวทีโลกให้มากขึ้นในฐานะ "คนไทย" แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนของการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดจากเกาหลีใต้หัวใจไทยรายนี้คาดหวังว่าการจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างจะเสร็จสิ้นอย่างช้าที่สุดในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้