ไทยรัฐออนไลน์
“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เชื่อทัพนักกีฬาไทย ได้ไปลุยมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 รอบสุดท้าย ตามเป้าที่วางไว้แต่แรก 40-45 คน โดยตอนนี้ได้สิทธิ์แล้ว 27 คน ยังมีแบดมินตันและกอล์ฟ ที่รอสหพันธ์ฯ ประกาศชื่อย่างเป็นทางการ รวมทั้งยังมีลุ้นจากยูโดและว่ายน้ำ ส่วนการถ่ายทอดสดได้รับชมทางช่องที-สปอร์ต หมายเลข 7 ในระบบทีวีดิจิทัลแน่นอน
ความเคลื่อนไหว มหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่กำลังจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม-8 สิงหาคมนี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุด “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ตนเชื่อมั่นในศักยภาพของนักกีฬาทีมชาติไทยอยู่เสมอ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ทำให้มั่นใจว่า ทัพไทยจะได้ไปลุยโตเกียวเกมส์รอบสุดท้าย ตามเป้าที่วางไว้แต่แรก ประมาณ 40-45 คน
ในเวลานี้นักกีฬาทีมชาติไทย ได้สิทธิ์ไปโอลิมปิกเกมส์แล้วทั้งหมด 27 คน ซึ่งยังมีแบดมินตัน 7 คน และกอล์ฟอีก 4 คน ที่รอทางสหพันธ์ฯ ประกาศรายชื่อจากการจัดอันดับโลกอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยังมีลุ้นจากยูโดและว่ายน้ำอีกด้วย จึงคาดว่าน่าจะได้โควตาไปมากกว่า 40 คน
ผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อว่า ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ กกท. จะได้พูดคุยกับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อเดินหน้าทดลองออกอากาศช่องที-สปอร์ต หมายเลข 7 บนระบบทีวีดิจิทัล ให้เร็วที่สุด
โดยก่อนหน้านี้ กสทช. ได้อนุมัติให้กกท. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทดลองออกอากาศได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคที่ผ่านมาแล้ว แต่ที่ผ่านมา เรายังต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย ในการรวบรวมความเห็นจากสื่อต่างๆ นำมาทำเป็นแผนงาน เพื่อไม่ให้กระทบกับธุรกิจของช่องอื่นๆ เลยทำให้ต้องเลื่อนการทดลองออกอากาศมาในที่สุด
การดำเนินการของช่องที สปอร์ต ในระบบทีวีดิจิทัล หมายเลข 7 ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการ ไม่ได้มีปัญหาอื่นใดนอกจากนี้ ยืนยันว่าแฟนกีฬา จะได้ร่วมเชียร์ ได้ส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทย ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม-8 สิงหาคม และมหกรรมกีฬาพาราลิมปิก โตเกียว 2020 ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม-5 กันยายนนี้ ผ่านทางช่อง ที สปอร์ต อย่างแน่นอน
สำหรับ ทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในเวลานี้ ได้สิทธิ์ไปเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม-8 สิงหาคมนี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น รวมแล้ว 27 คน ประกอบด้วย “แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ ยิงเป้าบิน แทร็ปชาย, “แบม” กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม เรือใบ เลเซอร์ เรเดียลหญิง, “ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม วินด์เซิร์ฟ อาร์เอสเอ็กซ์หญิง, “บีซ” จุฑาธิป มณีพันธุ์ จักรยาน ถนนหญิง, “กัปตัน” อิศรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร ยิงปืน ปืนสั้นยิงเร็ว 25 เมตรชาย, “เอิน” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ ยิงปืน ปืนสั้นสตรี 25 เมตรหญิง, "ธันย่า" ธันยพร พฤกษากร ยิงปืน ปืนสั้นสตรี 25 เมตรหญิง
“ณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร ยิงเป้าบิน สกีตหญิง, “วอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข ยิงเป้าบิน สกีตหญิง, ขี่ม้าประเภทอีเวนท์ต้ิง (“มิ้น” อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์, “นัท” กรธวัช สำราญ และ “บอมบ์” วีรภัฎ ปิฏกานนท์), “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง, ใบสน มณีก้อน มวยสากล รุ่น 69 กิโลกรัมหญิง, “เหลิม” ธิติสรรค์ ปั้นโหมด มวยสากล รุ่น 52 กิโลกรัมชาย, “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี มวยสากล รุ่น 60 กิโลกรัมหญิง, “สด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี มวยสากล รุ่น 57 กิโลกรัมชาย
คีริน ตันติเวทย์ กรีฑา ระยะ 10,000 เมตรชาย, “หญิง” สุธาสินี เสวตรบุตร เทเบิลเทนนิส หญิงเดี่ยว, “ทิพย์” อรวรรณ พาระนัง เทเบิลเทนนิส หญิงเดี่ยว, “โอ๊ต” ณัฐพงษ์ โพธิ์นพรัตน์ วินด์เซิร์ฟ อาร์เอสเอ็กซ์ชาย, “อ้อย” อรสา เที่ยงกระโทก เรือแคนู 1 คนหญิง ระยะ 200 เมตร, ศิวกร วงศ์พิณ และ นวมินทร์ ดีน้อย เรือกรรเชียง 2 ชายพายคู่ รุ่นไลต์เวต, “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี เทควันโด รุ่น 58 กิโลกรัมชาย, “เฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ รุ่น 51 กิโลกรัมหญิง และ “ฟ้า” ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิ่งหญิง.