ภูมิใจ..ไทยแลนด์

ป่านฉะนี้พระเดชพระคุณท่านทั้งหลาย คงได้ทราบกันแล้วว่า เกมฟาดแข้งคัดบอลโลก โซนเอเชีย ระหว่างทีมชาติไทย กับเจ้าภาพ ยูเออี จะออกหัวออกก้อยอย่างไร?

แต่ที่ไม่ต้องลุ้นกันอีกแล้วในตอนนี้ ก็คือ ทีมฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทย ที่เพิ่งไปคว้า อันดับ 4 ในศึกลูกหนัง ปรีพาราลิมปิกเกมส์ “รายการ Santen IBSA Blind Football World Grand Prix 2021”

ที่จัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ณ เมืองชินะงะวะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ศึกครั้งนี้ถือเป็นรายการทดสอบการจัดการ แข่งขันกีฬาฟุตบอลคนตาบอด ก่อนการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ของทาง “เจ้าภาพ” ประเทศญี่ปุ่น

ที่บอกว่าไม่ต้องลุ้นกันแล้ว เพราะทีมชาติ ไทยชุดนี้ เป็นหนึ่งในทีมตัวแทนทวีปเอเชียที่ได้สิทธิ์ ไปเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์เรียบร้อย

โดยได้ตั๋วใบนี้แบบส้มหล่นนิดๆ ในฐานะอันดับ 4 ของศึกฟุตบอลคนตาบอดชิงแชมป์เอเชีย เมื่อปี 2019

ซึ่งจริงๆแล้วเค้าเอา 3 ทีม ไปโตเกียวเกมส์ แต่เนื่องจากอิหร่าน ที่คว้าอันดับ 3 ขอถอนทีมออกไปเพราะมีปัญหาภายในประเทศ

ส่งผลให้ทีมชาติไทยได้สิทธิเข้าไปเป็น 1 ใน 8 ทีม ลูกหนังคนตาบอดที่ดีที่สุดในโลก เข้าร่วมบู๊แข้งในกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ “โตเกียว 2020” ทันที

ซึ่งเมื่อ 3 ปีก่อน ทีมฟุตบอลคนตาบอดไทย ชุดนี้ ก็เคยไปร่วมมหกรรมกีฬาฟุตบอลคนตาบอดชิงแชมป์โลก ที่ประเทศสเปน เมื่อปี 2018 มาแล้ว สร้างผลงานคว้าอันดับ 12 ไปครอง

ดังนั้น การเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกใหญ่ ที่จะไปชูธงไตรรงค์ในเวทีระดับโลก (อีกครั้ง) จึงมีความสำคัญยิ่ง

โดยญี่ปุ่นได้จัดทัวร์นาเมนต์นี้ขึ้นมาเพื่อทดสอบระบบต่างๆช่วงโค้งสุดท้าย ที่เตรียมไว้ใช้จริง ในพาราลิมปิกเกมส์

และได้เชิญทีมนักฟุตบอลคนตาบอดจาก 4 ประเทศ ประกอบด้วย สเปน, อาร์เจนตินา, ฝรั่งเศส และ ไทย มาโม่เกือก 5 เส้า กับ ทีมชาติ ญี่ปุ่น แบบพบกันหมด ซึ่งถือเป็นการอุ่นเครื่องใหญ่ ที่มีประโยชน์กับทุกชาติอย่างแท้จริง

สำหรับผลงานของทีมชาติไทย ลงสนามประเดิมสนามเกมแรกในรอบจัดอันดับอย่างเร้าใจ ด้วยการพลิกเอาชนะทีมชาติสเปน ไปได้ 3–2 โดยได้ประตูจากปัญญาวุฒิ คุพันธ์ เบิ้ล 2 ลูก และกิตติกร บัวดี

แต่นัดที่สอง เราแพ้ให้กับเจ้าภาพ 0-1 ก่อนที่นัดสาม จะพ่ายอาร์เจนตินาอย่างสนุก 4-3 ซึ่ง 3 ประตูของเรา ได้จากปัญญาวุฒิ คุพันธ์, กิตติกร บัวดี และประครอง บัวใหญ่

ส่วนแมตช์สุดท้าย ทีมคนตาบอดไทย คืนฟอร์มเก่งด้วยการเฆี่ยนเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศส 3–1 จากการซัลโว “แฮตทริก” ของกิตติกร บัวดี

ทำให้ไทยเข้าไปชิงที่ 3 กับสเปน คู่ปรับเก่า อีกครั้ง แต่คราวนี้นักเตะกระทิงดุล้างตา เฉือนชนะ เราไปได้ 1-0 ทำให้ไทยจบด้วยที่ 4 ของทัวร์นาเมนต์

ขณะที่รอบชิงชนะเลิศ ขุนพลฟ้าขาว อาร์เจนตินา เชือดชัยแข้งซามูไรเจ้าถิ่น 1-0 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

ซึ่งทั้ง 5 ทีม ที่ได้รับเชิญมาร่วมการแข่งขัน จะได้มาพบกันอีกครั้งในศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม–5 กันยายน 2564 นี้

โดยรายชื่อของนักฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติ ไทยชุดนี้ ประกอบด้วย ประครอง บัวใหญ่, กิตติกร บัวดี, ปัญญาวุฒิ คุพันธ์, สุริยะ ยิ่งชูรส, กิตติธัช วิมลวรรณ์, สนั่น เพชรกระจ่างสุข, เทิดเกียรติ บุญเที่ยง, บรรชา มูลเพชร (ผู้รักษาประตู) และ พรชัน กสิกรอุมไพศาล (ผู้รักษาประตู)

ทั้งหมดคุมทัพไป โดย ดร.ปัญญา หาญลำยวง ที่รับหน้าที่ผู้จัดการทีม ส่วนโค้ชก้องเกียรติ ก้อง-แดนไพร เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยมีสตาฟฟ์โค้ช ได้แก่ ชัยพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, กฤตดนัย ก้องแดนไพร, ด.ต.วรสัณห์ พันธ์สวัสดิ์ และทิม สุพรรณโกมุท

นี่คือ “ทีมชาติ”...ที่เป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศอีกชุดนึง

ขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลังทั้ง สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการพาราลิมปิกเกมส์แห่งประเทศไทย

และที่ลืมไม่ได้ (เด็ดขาด) ก็คือผู้สนับสนุนใจประเสริฐ อย่าง “บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด”

ที่ปิดทองหลังพระ คอยเป็นลมใต้ปีกสนับสนุน วงการกีฬาคนพิการไทยมาโดยตลอด

ปรบมือรัวๆให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง...

ด้วยจิตคารวะโดยแท้ครับ!!!

บี บางปะกง