ไทยรัฐออนไลน์
จอมพลังสาวชาวเบลเยียม เผย ถึงแม้จะไม่เคยกีดกันเรื่องเพศ แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่องค์กรต่างๆ เตรียมเปิดไฟเขียวให้นักกีฬาข้ามเพศลงแข่งขันใน “โตเกียวเกมส์”
ก่อนหน้านี้มีข่าวฮือฮาในวงการกีฬาโลก เมื่อ ลอเรล ฮับบาร์ด นักยกน้ำหนักชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งเคยลงแข่งขันในประเภทชายมาก่อน กระทั่งเมื่อปี 2015 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี รวมถึงสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ หรือ ไอดับเบิลยูเอฟ (IWF) อนุญาตให้ ฮับบาร์ด เปลี่ยนมาลงแข่งขันในประเภทหญิงแทน หลังการตรวจปริมาณฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน กระทั่งจอมพลังวัย 43 จากแดนกีวี คว้าสิทธิ์ลงแข่งขันโอลิมปิก 2020 ได้สำเร็จ
แต่ล่าสุด อันนา ฟานเบลลิงแฮม นักยกน้ำหนักหญิงชาวเบลเยียม ซึ่งอยู่ในรุ่นน้ำหนักมากกว่า 87 กิโลกรัม เช่นเดียวกับ ฮับบาร์ด ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ของโอลิมปิกระบุว่า การตัดสินใจเช่นนี้เปรียบเหมือนตลกร้าย และไม่ยุติธรรมกับนักกีฬาคนอื่น เพราะการตรวจโครงสร้างทางร่างกายน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าการยึดเอาผลตรวจด้านฮอร์โมนเป็นเกณฑ์
“ใครก็ตามที่ผ่านการฝึกซ้อมกีฬายกน้ำหนักในระดับสูงจะรู้ว่า กระดูกของพวกเขาคือเครื่องยืนยันทุกอย่าง และสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมทั้งกับวงการกีฬา และตัวของนักกีฬาเอง”
“การศึกษาปรากฏการณ์ที่หายากแบบนี้ ยังคงมีสิ่งที่ทำได้ไม่ดีมากนัก สำหรับองค์กรต่างๆ แต่สำหรับตัวนักกีฬาแล้ว ทั้งหมดนี้มันเหมือนกับตลกร้ายมากกว่า เพราะนักกีฬาบางคนจะต้องพลาดโอกาสเปลี่ยนชีวิตไปเลย ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของสิทธิ์เข้าร่วมโอลิมปิก และโอกาสคว้าเหรียญรางวัล” ฟานเบลลิงแฮม กล่าว.