เบี้ยหงาย
ดูจริงจังไม่น้อย กับการประชุมเตรียมการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วม จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2034 ครั้งที่ 2/2562 ซึ่งมี รมต.การท่องเที่ยวและกีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ นั่งหัวโต๊ะ และพร้อมพรั่งด้วยผู้บริหารของหน่วยงาน ต่างๆในกระทรวง พร้อมด้วยฝั่งกรมอาเซียน ก.ต่างประเทศ และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานในการเตรียมความพร้อมเสนอตัว และยังแจ้งคิวของการประชุมรัฐมนตรีกีฬาอาเซียน ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ สื่อว่าในการประชุมดังกล่าว รมต.กีฬาอาเซียนคงจะมีการพูดคุยความคืบหน้าในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งเจ้ากระทรวงกีฬาไทยก็หยิบยกถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าว ไว้ในการประชุมผู้นำอาเซียนที่เมืองไทยเมื่อเดือน มิ.ย. ในเรื่องการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพนี้ ซึ่งก็จะสนองนโยบายนายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้ปลัด ก.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานไปหารือกับ กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ไม่แน่ใจว่าการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมครั้งนี้ เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีกระนั้นหรือ!
สาระที่เด่นชัดในการประชุมครั้งนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของ สนาม อันจะเป็นความรับผิดชอบของ กกท. ซึ่งปัจจุบันนี้ไทยเรายังไม่มีสนามใดรองรับการแข่งขันได้เลย และถ้าฝันเป็นจริงได้ ก็ต้องฝันกันก่อนว่าเราจะต้องมีสนามที่ได้มาตรฐานฟุตบอลโลกอย่างน้อย 4 สนาม
ไม่เท่านั้น วันถัดมา รมต.พิพัฒน์ยังย้ำว่า เรื่องเสนอตัวจัดฟุตบอลโลกนี้ เป็นเรื่องของรัฐบาล ที่จะดำเนินการ เพราะต้องการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ ฟุตบอลโลกคนไทยติดตาม เชื่อว่าคนไทยเห็นด้วย กับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก สะท้อนว่าไม่จำเป็น ต้องทำประชาพิจารณ์ ทำไปคนไทยก็เห็นด้วยอยู่แล้ว
ตัดกลับมาในห้วงเวลาไล่เลี่ยกัน กกท.เอง โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ก็มีการประชุมความคืบหน้าเตรียมเป็นเจ้าภาพฟุตบอล ยช. 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพช่วงต้นเดือน ม.ค.2563 อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
การประชุมวันนั้นก็ยังวนเวียนกับเรื่องของ “สนาม” ที่จะมีการปรับปรุงใหม่ ซึ่งเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯทำตัวเลขงบประมาณออกมากว่า 234 ล้าน แต่เงินที่จะนำมาใช้ตัวเลขกลมๆมีจากกองทุนฯ 44 ล้าน เอเอฟซี สนับสนุน 30 ล้าน และประมาณการค่าบัตร 7 ล้านบาท เท่ากับว่างบประมาณยังขาดราว 150-160 ล้านบาท ที่ กกท.ต้องหาเพิ่ม
ฟุตบอล 23 ปี เราได้จัดแล้ว และกำลังจะ มีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า งบประมาณก็แค่หยิบมือเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องใช้กับการฝันเฟื่องกับเจ้าภาพฟุตบอลโลก ยังต้องวิ่งวุ่น
นี่ยังไม่นับถึงศักยภาพทีมฟุตบอลชาติไทย ที่ปัจจุบันนี้เป็นแค่พระรองในอาเซียน ตกต่ำขนาดนี้ ยังฝันข้ามขั้นไปจัดฟุตบอลโลก
เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย อะไรควร อะไรไม่ควร!!!
ไม่ต้องไปทำประชาพิจารณ์ให้เสียเงิน เสียเวลาอย่างที่ว่านั้นถูกแล้ว ไม่ต้องฉลาดปราดเปรื่อง แค่เสิร์ชกูเกิลเป็นก็ต้องคิดได้แล้วครับ...
“เบี้ยหงาย”