ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ขณะที่ “จ่าแฉ่ง” นั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ บอลคู่ชิงแชมป์ระหว่างฝรั่งเศสกับโครเอเชียยังไม่เริ่มขึ้น และว่าไปแล้วก็ยังมีเวลาพอสมควรทีเดียวที่จะวิเคราะห์ วิจารณ์ ฝากเป็นข้อคิดและเป็นคู่มือสำหรับการดูแมตช์สุดท้ายของฟุตบอลโลกครั้งนี้
เทียบฟอร์มเทียบฝีเท้าเทียบตัวดารานักเตะกันแล้ว ทุกกูรูทุกเกจิ ลงมติเป็นเอกฉันท์ นักเตะตราไก่ “ฝรั่งเศส” เหนือกว่า น่าจะเอาชนะ โครเอเชีย ได้ในห้วงเวลา 90 นาที
พลังโจมตีของฝรั่งเศสจาก 4 ทหารเสือ อองตวน กรีซมันน์, ปอล ป็อกบา, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ทั้งแหลมทั้งคมและสอดประสานกันได้อย่างไร้ที่ติ
ในขณะที่กองหลังอย่าง เบนฌาแม็ง ปาวาร์, ราฟาเอล วาราน, ซามูเอล อุมติตี ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ากำแพงหินในแนวรับ และยังช่วยเป็นปืนใหญ่ทะลวงประตูได้อีกด้วยในแนวรุก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ประการใดที่พูลทุกพูล กูรูทุกกูรูจะฟันธงให้นักเตะตราไก่
แต่ก็นั่นแหละสิ่งที่ต้องพึงระวังไว้ก็คือ นักเตะตาหมากรุกชุดนี้เป็นรองคู่ต่อสู้มาหลายนัด แต่ก็พลิกล็อกเอาชนะได้ทุกนัด
ล่าสุดก็พิสูจน์ให้เห็นวันพิชิตนักเตะสิงโตคำรามในรอบรองชนะเลิศที่ผ่านมา
ทุกคนไม่เว้นกองหน้ากองหลังใช้สไตล์วิ่งสู้ฟัดถึงคนถึงบอลโดยตลอด
โดยสถิติระบุบ่งว่า ลูกา โมดริช ยอดกองกลางจากเรอัล มาดริด กัปตันทีมโครแอต วิ่งไปแล้วถึง 63 กิโลเมตร รวมทุกแมตช์ที่ลงแข่งขัน
คนอื่นๆแม้จะไม่ระบุไว้แต่ก็เชื่อว่า จะวิ่งกันอุตลุด น้องๆ ลูกา โมดริช อย่างแน่นอน
ปราการหลังของตาหมากรุกแน่นปึ้กทั้งแผงไล่ตั้งแต่ ซิเม เวอร์ซัลจ์โก, เดยัน ลอฟเรน, โดมากอย วิดา และ อิวาน สตรินิช แถมได้นายทวารที่เหนียวหนึบอย่าง ดานิเยล ซูบาซิช เป็นด่านสุดท้าย เป็นจุดแข็งของ โครเอเชีย ที่ได้ชื่อว่า มีทีมรับที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้
จำได้ไหมครับตัวเลขรวมของการเซฟ การเคลียร์ และการป้องกันลูกอันตรายได้ถึง 272 ครั้ง นับมาถึงรอบเซมิฯ เป็นสถิติที่ดีที่สุดของการแข่งขัน
คาดว่า ตาหมากรุกน่าจะใช้แผนบีบให้ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายรุก แล้วฉวยโอกาสสวนกลับ โดยหวังความคมจาก มาริโอ มานด์ซูคิช และ อิวาน เปริซิช ในการทำประตู
รูปเกมน่าจะเป็นไปตรงกันข้ามกับรอบที่แล้ว ที่ ฝรั่งเศส ใช้วิธีตั้งรับ ขุดกับดักให้ เบลเยียม เป็นฝ่ายรุก แล้วสวนกลับ
เพราะหากฝรั่งเศสไม่รุกทำเอง โครเอเชียก็คง จะไม่ขึ้นมาทำ รอยื้อให้เสมอเพื่อต่อเวลา รอจังหวะเผลอ และถ้าฝรั่งเศสไม่เผลอก็ไปยิงลูกโทษกัน
ทั้งหมดนี้ “จ่าแฉ่ง” ไม่ได้นึกเอาเองหรอกครับ แต่จำมาจากการวิเคราะห์เกมของสำนักข่าวต่างประเทศ บางสำนัก ที่เห็นว่าเข้าท่าดีก็เลยสรุปมาเผยแพร่เพื่อทราบ
ลงท้ายแล้วจะออกมาอย่างไร เราคงต้องตามไปดูกันละครับ
4 ทุ่ม คืนวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม การฟาดแข้งจะเริ่มขึ้นและไม่เกินเที่ยงคืน หรืออาจจะเกินนิดหน่อย ถ้าต่อเวลายิงลูกโทษ...เราก็จะได้รู้กันละว่าแชมป์ปีนี้จะเป็นของใคร?
สำหรับ “จ่าแฉ่ง” กราบเรียนแล้วว่า เอาใจช่วยสิงโตคำรามอยู่ทีมเดียว เมื่อสิงโตเขี้ยวหัก มาไม่ถึงดวงดาว...จิตใจและความรู้สึกของ “จ่าแฉ่ง” เก๊าะว่างเปล่า
หมายฟามว่าระหว่าง “นักเตะตราไก่”กับ “นักเตะตาหมากรุก” ใครชนะก็ได้ จ่าแฉ่งขอแสดงความยินดีเท่าๆกัน หรือในกรณีที่ทีมใดทีมหนึ่งแพ้ก็ขอแสดงความเสียใจเท่าๆกัน
แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกลึกๆว่าแอบเอาใจช่วยใคร? ก็คงจะเอาใจช่วย โครเอเชีย ล่ะครับ
ชาติเล็กๆมีประชากรแค่ 4 ล้านคน และถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของ โปแลนด์ อยู่นานมาก เพิ่งจะได้อิสรภาพแยกออกมาเป็นประเทศเต็มตัว เมื่อ ค.ศ.1990 หรือ พ.ศ.2533 นี่เอง
ก่อนหน้านี้นักเตะโครเอเชียยังต้องเล่นในนามทีมชาติโปแลนด์อยู่เลยครับ ในการแข่งขันทั้งฟุตบอลยุโรปและบอลโลก
โครเอเชียเข้าแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรกในปี 1998 หรือ พ.ศ.2541 มาถึงครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง และก็เป็นครั้งแรกที่มาถึงนัดชิงแชมป์
แต่ก็เคยได้ที่ 3 มาแล้วหนึ่งหนถือว่ามีประวัติไม่เลวนัก
ตรงข้ามกับฝรั่งเศสที่เป็นชาติมหาอำนาจมาแต่โบราณกาลในเชิงฟุตบอลก็ถือว่าเป็นมหาอำนาจเล่นบอลโลกมาตั้งแต่ปี 1930 ได้แชมป์ไปหนหนึ่งเมื่อปี 1998 และรองแชมป์อีก1หน เมื่อปี 2006
เทียบทั้งฟอร์มการเล่นปัจจุบันและเทียบความยิ่งใหญ่ด้านประวัติศาสตร์ทั้งความเป็นประเทศ และการเล่นฟุตบอลฝรั่งเศสจึงเป็นต่อ โครเอเชีย หลายขุม
เผอิญว่า “จ่าแฉ่ง” มีอุปนิสัยชอบมวยรอง และชอบเอาใจช่วยคนตัวเล็ก ประเทศเล็กๆอยู่เสมอๆ จึงอดมิได้ที่จะแอบเอาใจช่วยนักเตะตาหมากรุกในศึกชิงแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ด้วยประการฉะนี้
สรุปว่าถ้าฝรั่งเศสชนะก็โอเคครับ ดีใจด้วย
...แต่ถ้าโครเอเชียชนะจะดีใจมากกว่านิดนึง
...นิดนึงจริงๆครับ...แฮ่ม!
“จ่าแฉ่ง”