ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ได้ 4 ทีมผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นทีมจากทวีปยุโรปล้วนๆ คือ ฝรั่งเศส, เบลเยียม, อังกฤษ และโครเอเชีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีเลยทีเดียวที่ไม่มีทีมจากอเมริกาใต้ในรอบรองชนะเลิศ ขณะเดียวกัน ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เป็น 2 ทีมที่เคยผ่านการคว้าแชมป์โลกมาแล้ว (ทีมละ 1 สมัย) ส่วน เบลเยียม กับ โครเอเชีย เป็น 2 ทีมหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยลิ้มรสการเป็นแชมป์โลกมาก่อนเลย
โดยรอบตัดเชือกคู่แรกนั้น เป็นการพบกันระหว่าง “ตราไก่” ฝรั่งเศส ดวลกับ “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ที่สนามเครสตอฟสกี สเตเดียม เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก คืนวันอังคารที่ 10 ก.ค. ขณะที่เกมตัดเชือกคู่ที่2 “ตาหมากรุก” โครเอเชีย จะปะทะกับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่สนามลุซนิกิ สเตเดียม กรุงมอสโก วันพุธที่ 11 ก.ค.
ตามสายตาบ่อนพนันถูกกฎหมายเมืองผู้ดี ต่างยกให้ “ตราไก่” ฝรั่งเศส เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์โลก 2018 ตามมาด้วย “สิงโตคำราม” อังกฤษ เป็นเต็งสอง ส่วนเบลเยียมเป็นเต็งสาม และโครเอเชีย รั้งเต็งบ๊วย แต่ฟุตบอลลูกกลมๆมีลมอยู่ข้างใน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
คราวนี้เราลองมาวิเคราะห์เจาะดูฟอร์มของแต่ละทีมในรอบรองชนะเลิศกันครับว่า เป็นอย่างไรกันบ้าง ไปดูกันเลย
“ตราไก่” ฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลกหนสุดท้ายคือ ปี 1998 หรือเมื่อ 20 ปีก่อน ที่พวกเขาเองเป็นเจ้าภาพ โดยทีมชาติฝรั่งเศสยุคนั้น มีดาวดังเต็มทีม ไม่ว่าจะเป็น ซีเนอดีน ซีดาน, ฟาเบียง บาร์กเตซ, ดิดิเยร์ เดส์ชองส์, ฌอง ติกานา, มาร์แซล เดอ ไซยี, โลรองต์ บลองก์, เอ็มมานูเอล เปอตีต์, โรแบร์ ปิแรส และเธียร์รี อองรี ส่วนทีม “ตราไก่” ชุดนี้ ภายใต้การคุมทัพของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ อดีตนักเตะชุดแชมป์โลก 1998 ที่ผันตัวมาเป็นกุนซือทีมชาติ ก็หวังเจริญรอยตามรุ่นพี่ คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 มาครองให้ได้
พลพรรค “ตราไก่” ชุด 2018 แทบไม่มีจุดอ่อนให้เห็นเลย เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกและเกมรับ สี่แบ็กโฟร์อย่าง ราฟาเอล วาราน, ซามูเอล อุมติตี, เบนจามิน ปาวาร์, ลูคัส เฮอร์นันเดซ แข็งแกร่งและประสานงานกันอย่างลงตัว ขณะที่แนวรุกใช้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ยืนค้ำเป็นหน้าเป้า โดยมี คีเลียน เอ็มบัปเป กองหน้าดาวรุ่งที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในบอลโลกหนนี้ และ อองตวน กรีซมันน์ คอยขนาบข้างช่วยทำเกมรุก
ฝรั่งเศสชุดนี้มีเกมรุกที่หลากหลาย พวกเขาทำประตูได้จากทั้งลูกเซตพีซ, ลูกจุดโทษ, ลูกยิงไกลนอกเขตโทษ และลูกยิงในกรอบเขตโทษ รวมถึงมีจังหวะสวนกลับเร็วที่สุดคมอีกด้วย เรียกว่าครบเครื่องมากๆ เลยทีเดียว สมกับเป็นเต็งหนึ่งที่จะซิวแชมป์โลกปีนี้
ถัดมาเป็น “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่ห่างหายจากการเป็นแชมป์โลกมานานถึง 52 ปี หลังคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1966 ผ่านเข้ามาเล่นรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี หลังจากเอาชนะ สวีเดน แบบไม่ยากเย็น 2-0 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จากลูกโหม่งทั้งสองลูกของแฮร์รี แมคไกวร์ และเดเล อัลลี
บอลโลกครั้งนี้ อังกฤษ ทีมของกุนซือกาเร็ธ เซาธ์เกต ไม่จำเป็นต้องเล่นสวยงาม แต่เน้นเอาจุดเด่นของตัวเองมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการเล่นลูกเซตพีซ ซึ่งในทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาได้ประตูจากการเล่นลูกตั้งเตะมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จากทั้งจอห์น สโตนส์, แฮร์รี เคน และล่าสุดก็เป็น แฮร์รี แมคไกวร์ ทำให้ตอนนี้อังกฤษกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นลูกเซตพีซไปแล้ว
จุดแข็งอีกอย่างของอังกฤษชุดนี้ก็คือ การมีนายทวารอย่างจอร์แดน พิคฟอร์ด ยืนเฝ้าเสา เพราะผู้รักษาประตูจากเอฟเวอร์ตันรายนี้ โชว์ฟอร์มป้องกันประตูได้อย่างยอดเยี่ยม โดยรอบ 16 ทีมสุดท้าย เขาเซฟจุดโทษช่วยให้ทีมเอาชนะโคลอมเบีย จากนั้นก็ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟอย่างต่อเนื่องในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เจอกับสวีเดน
แนวรุกทีมสิงโตคำราม นอกจากมี แฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีม เป็นตัวทำสกอร์ชั้นดี ที่ตอนนี้ซัดไป 6 ประตูแล้ว ก็ยังมี ราฮีม สเตอร์ลิง เป็นตัวสำคัญในแนวรุกที่อังกฤษจะขาดไม่ได้ ถึงแม้ปีกร่างเล็กจากแมนฯซิตี้จะยังยิงประตูในบอลโลกครั้งนี้ไม่ได้ แต่เขามีความสำคัญต่อแนวรุกทีมสิงโตคำราม เพราะสามารถเลี้ยงกินตัว และฉีกแนวรับคู่แข่งจนเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมสอดขึ้นมาทำประตู
หรือว่าถึงเวลาแล้วที่ “ฟุตบอล” จะได้กลับบ้าน อังกฤษมีโอกาสดีมากๆ ที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยที่2
ทางด้าน “ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ถูกยกให้เป็นทีมที่มีเกมรุกที่ดีที่สุดในบอลโลกครั้งนี้ จากผลงานที่กะซวกตาข่ายไปแล้ว 14 ประตูมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ และผลงานอันยอดเยี่ยมที่โค่นเต็งหนึ่งอย่าง บราซิล ร่วงตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เบลเยียม มีดีพอที่จะคว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติ
เบลเยียมชุดนี้ นอกจากมีแนวรุกสุดอันตรายทั้ง เอเด็น อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์ และโรเมลูลูกากู แล้ว แนวรับก็ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารจอมหนึบ รวมถึงกองหลังอย่างแยน แฟร์–ตองเกน, แวงซองต์ กอมปานี และโทบี อัลเดอร์ไวเรลด์
ขณะที่ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย สร้างเซอร์ไพรส์ ปราบยอดทีมมาได้หมด ทั้งอาร์เจนตินา, เดนมาร์ก และเจ้าภาพรัสเซีย ทำให้พวกเขาผ่านเข้ามาเล่นรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 20ปี นับตั้งแต่บอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส โดยโครเอเชียชุดนี้ นอกจากมี ลูกา โมดริช เป็นจอมทัพคนสำคัญแล้ว ยังมี อิวาน ราคิติช,อิวาน เปริซิช, อันเดรจ์ ครามาริช และมาริโอ มานด์ซูคิช เป็นตัวทีเด็ดด้วย
ทันทีที่จบรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 คู่และรู้ว่าคู่ชิงเป็นใคร ก็รีบส่งไปรษณียบัตรทายผลว่าทีมใดจะเป็นแชมป์บอลโลก 2018 กับ “ไทยรัฐกรุ๊ป” ได้เลยรวมถึงอีกหนึ่งช่องทางผ่านทางเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ด้วย
เงินรางวัลรวม 32 ล้านบาท กำลังรอท่านผู้อ่านอยู่ครับ.
หมวดแซม