หน้าแรกแกลเลอรี่

ชีวิตต้องสู้ เส้นทางกว่าจะมีวันนี้ของ “รถถัง จิตรเมืองนนท์”

ไทยรัฐออนไลน์

2 มิ.ย. 2563 10:30 น.

กว่าจะมาเป็นยอดมวยแห่งยุคได้อย่างทุกวันนี้ “ดิ ไอรอนแมน” รถถัง จิตรเมืองนนท์ จำเป็นต้องมีแบบอย่างที่เป็นเหมือนแรงผลักดันในตัวเอง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเขานั่นเอง “นายปรีชา ศรีสวัสดิ์” และ “นางสมบูรณ์ จรสมอ”

มวยหนุ่มในวัย 21 ปี แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวตผู้นี้ เกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน ต้องดิ้นรนเติบโตใช้ชีวิต โดยมีจุดเริ่มต้นที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง

พ่อแม่ต้องปากกัดตีนถีบ หางานทำตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูสมาชิกครอบครัวทั้ง 12 ชีวิต พ่อแม่และลูกๆ ทั้ง 10 คน ให้สามารถมีชีวิตรอดไปได้แบบวันต่อวัน

“พ่อแม่ผมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก แกออกไปตั้งแต่เช้า กลับมาก็ดึกๆ แกไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง บางทีพ่อผมก็ไปทำงานก่อสร้าง ไม่ก็กรีดยาง ส่วนแม่ก็ไปรับจ้างล้างจานตามงานศพ ซึ่งผมก็ไปช่วยแม่บ้าง เรียกว่าเป็นคนหาเช้ากินค่ำจริงๆ ครับ”

คงไม่ต้องถามถึงเวลาในการเลี้ยงดูลูกทั้ง 10 คน เด็กๆ จำเป็นต้องดูแลกันและกันแทนพ่อแม่ โดยพี่ๆ ที่โตกว่าก็ต้องคอยดูแลน้องเล็กๆ ซึ่ง รถถัง นั้นเป็นลูกคนที่ 8 จากบรรดาลูกชายทั้ง 3 คน และลูกสาวอีก 7 คน ชีวิตที่ต้องเผชิญทำให้ รถถัง เรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง และไม่เป็นภาระใคร

เมื่อ รถถัง อายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้ทำความรู้จักกับมวยไทย เขาฝึกซ้อมอย่างหนักตั้งแต่เด็ก เพื่อแลกกับค่าตัวเพียงน้อยนิดในช่วงแรก แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถนำเงินส่วนนี้มาช่วยเหลือจุนเจือแบ่งเบาภาระครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

กระทั่งเขาไต่อันดับสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นมวยดังแดนใต้ ไล่มาถึงแถบอีสาน และสั่งสมผลงานบนเวทีมากมายหลังเข้าเมืองหลวง สุดท้ายก็ไปถึงยอดมวยอันดับหนึ่งของ วัน แชมเปียนชิพ ในรุ่นฟลายเวต ด้วยค่าตัวสูงลิ่วซิวหลักล้าน

รถถัง กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวในทันที เขามีเงินซื้อบ้านให้พ่อแม่อยู่กันคนละหลัง และมีเหลือมากพอที่จะคอยช่วยเหลือพี่น้องทั้งหลายในยามที่ขัดสน หรือเจ็บไข้ได้ป่วยกะทันหัน

“การชกมวยบางทีมันก็มียาก มีเหนื่อย มีท้อ มีเจ็บตัว แต่ยังไงก็ยังไม่ลำบากเท่าที่พ่อแม่ผมต้องเลี้ยงลูกถึง 10 คน พ่อแม่เป็นแบบอย่างให้ผมเห็นความสู้ชีวิต มีหัวใจที่เข้มแข็ง และผมก็ต้องทำให้ได้ ผมยอมแพ้ไม่ได้”

“ใครที่คิดว่าผมต่อสู้อดทน หรือผ่านอะไรมาเยอะ ผมว่าพ่อแม่ผมสู้มาหนักหนากว่าผมมาก ผมเป็นหนี้บุญคุณท่าน และอยากตอบแทนที่ท่านเลี้ยงดูผมและพี่น้องทุกคนมาจนโต”.