ไทยรัฐออนไลน์
“น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี ฟอร์มสุดเฉียบ เอาชนะ "เรย์ โคห์นา" จากอุซเบกิสถาน คว้าตั๋วโอลิมปิก ใบที่ 3 ได้สำเร็จ ขณะที่ “เจ้าเหลิม” ธิติสรรค์ ปั้นโหมด ไล่ถลุง “ชาห์โคบิดิน ซอยรอฟ” จากอุซเบกิสถาน 4-1 ผงาดเข้ารอบชิงชนะเลิศ มวยสากลโอลิมปิกเกมส์ รอบคัดเลือกโซนเอเชีย/โอเชียเนีย ส่วน “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี กับ “เจ้าเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตพงศ์ ที่พลาดท่าตกรอบ 8 คน แต่ยังมีลุ้นโควตาที่เหลืออีกรุ่นละ 2 ที่นั่ง หากชนะในรอบต่อไปจะตีตั๋วไปโตเกียวทันที...
วันที่ 10 มี.ค. การแข่งขันมวยสากลโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย/โอเชียเนีย ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เป็นการชกรอบรองชนะเลิศ เริ่มที่รุ่น 69 กิโลกรัม หญิง "ใบสน มณีก้อน" พบ เฉิน เนียน ชิน จากไต้หวัน ตลอดการชกทั้ง 3 ยก แม้ว่าใบสนจะเสียเปรียบเรื่องของประสบการณ์ แต่ปักหลักสู้แบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี แถมออกหมัดเข้าเป้าได้หลายหมัด จนกระทั่งครบยก ใบสนพ่ายคะแนนขาดลอย 0-5 เสียง จบเส้นทางแค่เพียงรอบรองชนะเลิศ ได้เหรียญทองแดงปลอบใจ
รุ่น 52 กิโลกรัม ชาย “เจ้าเหลิม” ธิติสรรค์ ปั้นโหมด พบ ชาห์โคบิดิน ซอยรอฟ จากอุซเบกิสถาน ตัวเต็งในรุ่นนี้ ตลอดการชกทั้ง 3 ยก เจ้าเหลิมไม่เกรงกลัวฝีมือ พยายามเค้นฟอร์มเก่งดักต่อยทำคะแนนได้อย่างแม่นยำรวดเร็ว จนนักชกคาอุซเบกิสถาน เข้าไม่ติด ครบยก ธิติสรรค์เป็นฝ่ายชนะขาดลอย 4-1 เสียง ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับนักชกชาวจีน
หลังการชก “เจ้าเหลิม” กล่าวว่า พอใจและประทับใจกับฟอร์มการชกของตัวเองในวันนี้มาก ยอมรับว่าก่อนชกตนเป็นรอง แต่ทีมสตาฟฟ์โค้ชแก้เกมให้ตนดูการชกของอุซเบฯตลอด จนทำให้ตนจับทางได้ และรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ชนะ เข้าไปเจอกับจีนในรอบชิงฯ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับอุซเบฯและเกาหลีใต้ ที่ตนชนะมาแล้ว ถึงตอนนี้ตนมั่นใจในโอลิมปิก 2020 ต้องมีเหรียญให้แฟนมวยได้ชื่นชมแน่นอน อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน สตาฟฟ์โค้ช สมาคมมวย และที่ขาดไม่ได้คือ โรงเรียนกีฬาพิษณุโลก และโรงเรียนกีฬานครราชสีมา ที่ให้โอกาสกับตนจนทำให้ประสบความสำเร็จในวันนี้
ส่วนผลเมื่อคืนที่ผ่านมา ในรุ่น 69 กิโลกรัม ชาย “เจ้าเอ็ม” วุฒิชัย มาสุข ที่แพ้ในรอบ 8 คนสุดท้าย ต้องมาลุ้นโควตาใบสุดท้ายกับ เมนซา โอกาซาวะ จากญี่ปุ่น หากชนะจะไปรอพบกับนักชกจีนในรอบชิง ผลปรากฏว่า เจ้าเอ็มพลาดท่าพ่ายไป ชวดเข้าไปลุ้นโควตาสุดท้าย
เจ้าเอ็ม กล่าวว่า เสียใจที่ไม่สามารถคว้าตั๋วไปโอลิมปิกได้ ยอมรับว่า ก่อนชกกดดันมาก เพราะต้องชนะเท่านั้น เลยทำให้ชกแบบเกร็งๆ ทั้งที่นักชกญี่ปุ่นคนนี้ก็เคยเจอกันมาแล้ว ไม่เป็นไร ตนยังไม่ท้อพร้อมสู้ต่อในเลกที่ 2 เพื่อคว้าโควตาให้ได้
รุ่น 57 กิโลกรัมชาย คัด 6 คนไปโอลิมปิก เกิดการพลิกล็อกเมื่อ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ที่เจอกับ เหงียน วาน ดวง จากเวียดนาม คู่ปรับเก่าที่เจ้าสดเพิ่งชนะมาในกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เกมการชกยกแรกเริ่มไม่ถึงนาที เจ้าสดพลาดไปโดนหมัดเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง จนร่วงให้กรรมการนับ 8 แต่ยังลุกขึ้นสู้ต่อ ปรากฏว่าพลาดไปโดนหมัดซ้ายเข้าที่กกหู จนร่วงให้กรรมการนับเป็นหนที่สอง กรรมการยุติการชกและให้เวียดนามเป็นฝ่ายชนะอาร์เอสซีในยก 1 แต่เจ้าสดยังมีโอกาสในการไปลุ้นตั๋วกับเกาหลีใต้ ถ้าชนะได้ตั๋วโอลิมปิกทันที
ทางด้านจ้าสด กล่าวว่า ยังงงๆ ที่กรรมการสั่งยุติการชกเร็ว ทั้งที่ตนก็บอกว่าพร้อมชก แต่ยอมรับ 2 นับนั้นพลาดไปโดนหมัดจริง โดยเฉพาะหมัดแรกเข้าที่ท้ายทอย ยอมรับว่ามึนมาก อาจเพราะเป็นจุดรวมสำคัญ และนับที่ 2 ไม่หนัก แต่เป็นช่วงที่ตนกำลังถอยพอดี ไม่เป็นไร ตนยังมีโอกาสแก้ตัว อย่างไรก็ต้องคว้าตั๋วไปโอลิมปิกให้ได้
รุ่น 51 กิโลกรัมหญิง “เจ้าเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตพงศ์ พบกับ สึคิมิ นามิกิ จากญี่ปุ่น ตลอดการชกทั้ง 3 ยก เจ้าเฟี้ยวที่รูปร่างได้เปรียบ กลับชกพลาดเป้า ต่างกับคู่แข่งที่แม้ตัวจะเตี้ยกว่า แต่ก็ใช้ความรวดเร็วชิงต่อยหมัดก่อนได้อย่างแม่นยำ ครบยก จุฑามาศ พ่ายไป 0-5 เสียง แต่ยังมีลุ้นตั๋วโอลิมปิก เพราะรุ่นนี้คัดเอา 6 คน โดยจุฑามาศจะเข้าไปเจอกับอุซเบกิสถาน ถ้าชนะก็จะคว้าตั๋วโอลิมปิกทันที
รุ่น 60 กิโลกรัมหญิง “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี พบ เรย์ โคห์นา จากอุซเบกิสถาน ตลอดการชกทั้ง 3 ยก น้องแต้วออกหมัดได้อย่างจะแจ้ง นักชกอุซเบกิสถานพยายามเดินเข้าหา แต่ยังทำอะไรไม่ได้ ครบยก สุดาพร เป็นฝ่ายชนะคะแนน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ เกาหลีใต้ พร้อมคว้าตั๋วไปโอลิมปิกเป็นคนที่ 3 ของทีมไทย
หลังการชก “น้องแต้ว” กล่าวว่า เป็นอีกวันที่ดีใจที่สุด เพราะเป็นครั้งที่ตีตั๋วไปโตเกียวได้สำเร็จ ขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน ตอนนี้ตนมุ่งเป้าต้องคว้าเหรียญโอลิมปิกกลับมาให้ได้ เพื่อเป็นเกียรติประวัติและชื่อเสียงของประเทศ