ไทยรัฐออนไลน์
“มันไม่ใช่เรื่องของเรา ที่จะเลือกตัวเองลงสนาม มันเป็นหน้าที่ของโค้ชตัดสินใจ เรามีหน้าที่เดียวคือ ทำงานให้หนัก และทำให้ทุกคนเห็นว่า เราดีพอที่จะอยู่ในทีมชาติ”
14 ตุลาคม 2561 อาจเป็นวันธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับคนในวงการฟุตบอลไทย แฟนบอลไทย ที่รู้จักและรักในตัวของ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล จะได้เห็น สินทวีชัย ได้ลงเล่นทีมชาติไทยเป็นเกมนัดสุดท้าย หลังจากรับใช้ทีมชาติชุดใหญ่มายาวนานกว่า 14 ปี และเป็นเกมที่จะยกย่องให้กับผู้รักษาประตูรายนี้ ที่อุทิศ เสียสละ รับใช้ทีมชาติมาตั้งแต่อายุ 16 ปี จนทุกวันนี้วัย 36 กะรัต
จุดเริ่มต้นจาก โกสินทร์ มาเป็น สินทวีชัย ตั้งแต่วัยเด็กที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเหมือนเด็กทั่วไปที่วิ่งเล่นไล่เตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ที่เริ่มจากความสนุก จนวันนึงได้เห็นพี่ๆ ทีมชาติในทีวี คิดเล่นๆ ฝันว่าอยากจะเป็นศูนย์หน้าเหมือน วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ หรือเป็นประตูเหมือน ชัยยง ขำเปี่ยม ดี?
“ผมสนุกกับการเล่นกองหน้ามาก บางทีก็เล่นปีก กองกลาง หรือกองหลัง แต่จุดเปลี่ยนในวันนั้น มีอยู่เกมนึง ผู้รักษาประตูทีมผมทำได้ไม่ดี เลยคิดว่า ถ้าเป็นผม ผมทำได้ดีกว่านั้นได้แน่ เลยบอกว่า “มาๆ เดี๋ยวเล่นเอง””
จากวันนั้น บอล หรือ ตี๋ ก็เลือกเล่นผู้รักษาประตู และด้วยความฝันที่อยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ ทำให้อยากเข้าโรงเรียนที่ดังในเรื่องฟุตบอลเพื่อพัฒนาตัวเอง เลยตัดสินใจนั่งรถทัวร์มากับแม่ เพื่อมาคัดที่ กทม. สนามการท่าเรือ พอมาถึงต้องตกใจเพราะมีคนมาคัดกว่า 1,500 คน และเอาแค่ 15 คน สุดท้ายคัดไม่ติด … จนกลับบ้านเลยคิดว่าทำไมมันยากแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ได้ตัดสินใจไปคัดที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาอีกครั้ง ในที่สุดก็ได้เป็นนักฟุตบอลโครงการช้างเผือก และนั่นคือก้าวแรกที่สำคัญของเส้นทางในการเป็นนักฟุตบอลของ สินทวีชัย ในตอนนั้น
“มาสเซอร์เดี่ยว ยุทธนา ธรรมประเสริฐ คือผู้เห็นแวว และเป็นคนที่ สินทวีชัย อยากจะขอบคุณมากที่สุด ที่ได้มอบโอกาสครั้งแรก เพราะการได้อยู่ ร.ร.อัสสัมชัญศรีราชา ทำให้ได้เรียนรู้การเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างจริงจัง
ยิ่งด้วยครอบครัวที่ สินทวีชัย บอกว่าเริ่มจาก “ติดลบ” แม่เป็นแม่ค้า พ่อเป็นข้าราชการทหารผ่านศึก ทำให้ต้องพยายามที่จะเป็นนักฟุตบอล เผื่อให้ได้โควตาเรียนฟรี ทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัย
เงินที่ได้จากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรก ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 10 บาท 1 เดือน 300 บาท ตอนนั้นก็ถือว่าดีใจแล้ว พอมีเงินซื้อแฟ้บ ซื้อสบู่ ของใช้ตอนอยู่โรงเรียนประจำไว้ดำรงชีวิต และนั่นคือรายได้ก้อนแรกจากฟุตบอล
จากนั้นก้าวแรกของฝันก็เริ่มต้นขึ้น หลังได้ติดทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ชุดเยาวชนโลก และติดมาตลอดทุกชุด จนสุดท้ายได้ลงเล่นนัดแรกให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ยุคของ ปีเตอร์ วิธ เป็นเฮดโค้ช ในเกมนัดพิเศษกับ เรอัล มาดริด ที่ตอนนั้นมีทั้ง ซีดาน, โรนัลโด และ เดวิด เบคแคม
การติดทีมชาติครั้งนั้น คือจุดเริ่มต้นกับการรับใช้ทีมชาติมายาวนานของ สินทวีชัย แม้ฟุตบอลไทยจะอยู่ในช่วงขึ้นหรือลง สินทวีชัย ได้ร่วมประสบด้วยมาตลอด และทุกๆ ครั้งที่มีการประกาศรายชื่อเรียกตัวให้ไปรับใช้ชาติ ไม่มีครั้งไหนที่ สินทวีชัย เคยปฏิเสธ
"มาสเซอร์เดี่ยว" ยุทธนา ธรรมประเสริฐ
"เขาคือเด็กจากสกลนครที่มาคัดตัว เค้ามีความมุ่งมั่นมาก พอเขามาเป็นนักฟุตบอลของเรา (ร.ร.อัสสัมชัญศรีราชา) บางวันที่โค้ชไม่ได้ซ้อม ตอนเช้าเค้าจะเอาบอลมาเตะอัดกำแพง เพื่อซ้อมของเขาคนเดียว ตั้งแต่วันนั้นจนมีได้ถึงวันนี้ เค้าไม่เคยลืมจุดเริ่ม"
“โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล
“ผมยกตัวอย่างความเป็นมืออาชีพ ให้นักเตะอะคาเดมีของชลบุรี ทุกๆ คนฟังว่า สินทวีชัย เนี่ย เวลาเขากลับมาจากเล่นทีมชาติ จะตรงกลับมาซ้อมที่สโมสรทันที เพราะส่วนใหญ่บางคนกลับมาจากทีมชาติ ขอพักไปสัปดาห์หรือเป็นเดือน นี่คือสิ่งที่ต่างจากสินทวีชัย"
"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
"เขาทุ่มเทมากๆ ในตอนซ้อม แม้เขาจะได้ลงสนามหรือไม่ เขามีสปิริตมากๆ การมี สินทวีชัย ในทีม เหมือนมีคนจะคอยสื่อสารความต้องการของน้องๆ ในทีมมาถึงเราเวลาขาดเหลืออะไร เวลาน้องๆ มีปัญหาในสนามหรือนอกสนาม ก็จะได้รับคำปรึกษาที่ดีจากพี่ตี๋เสมอ"
ทุกอย่างที่แลกมาด้วยความพยายามอย่างที่สุด มักมีรสชาติความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมประทับใจอยู่เสมอ และนี่คือสิ่งที่ได้รับการตอบแทนของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะ “ตำนานนักฟุตบอลไทย”
แฟนบอลที่ติดตาม รักในตัวของ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล อยากให้ไปที่สนามกันเยอะๆนะครับ เป็นกำลังใจ เชิดชู ยกย่อง ถึงความทุ่มเทและเป็นตัวอย่างที่ดี ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรีนะครับ ส่วนแฟนบอลที่ไม่สามารถไปร่วมเชียร์ทีมชาติไทยได้ เปิดไทยรัฐทีวี 32 เวลา 17.30 นาฬิกา เป็นต้นไป.
"โบโบ้" เกริกชัย คุณโฑ