หน้าแรกแกลเลอรี่

สดุดีแข้ง 'ชบาแก้ว' ตีตั๋วบอลโลกสมัย 2 (คลิป)

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

22 เม.ย. 2561 05:30 น.

ท่ามกลางความเงียบเหงาและซบเซาของวงการลูกหนังเมืองไทยในห้วงเวลานี้ “ชบาแก้ว” แข้งสาวทีมชาติไทย เป็นผู้ที่ช่วยพลิกวิกฤติเรียกศรัทธาของแฟนบอลให้กลับฟื้นคืนมาได้อีกครั้ง

พวกเธอสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการลูกหนังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการตีตั๋วเข้าไป ฟาดแข้งในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก รอบ สุดท้าย ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แถมยังทำสถิติเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกชิงแชมป์เอเชียได้เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปีอีกด้วย

หากจะให้ไล่เรียงความเป็นมาและจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จของทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยคงต้องย้อนกลับไปราวปี 2004 ในยุคที่มีชายที่ชื่อ “วรวีร์ มะกูดี” เป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ

“บังยี” ซึ่งขณะนั้นเป็นบอร์ดบริหารของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ “ฟีฟ่า” ได้เป็นผู้ริเริ่มและผลักดันฟุตบอลหญิงในประเทศไทยอย่างจริงๆ จังๆ รวมทั้งใช้กำลังภายในที่มีอยู่ช่วยให้สยามประเทศได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ขึ้นด้วย

นับตั้งแต่นั้นวงการฟุตบอลน่องอ่อนของไทยก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามลำดับ

ต่อมาในปี 2008 ได้มีตัวละครคนสำคัญที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนจนทีมชาติไทยสามารถเขียนหน้าประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ในการไปฟุตบอลโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก

ซึ่งจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก “มาดาม แป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันการเข้ามาของ “เจ้าหญิงแห่งวงการฟุตบอลไทย” ไม่ใช่ว่าจะเข้ามากอบโกยชื่อเสียงแล้วจากไป เพราะเธอทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้กับงานชิ้นนี้ ชนิดที่ใครหลายๆคนพูดอยู่เสมอว่า “ไม่จำเป็นต้องทำให้ถึงขนาดนั้นก็ได้”

ว่ากันว่าการที่ “มาดามแป้ง” อยู่คู่กับวงการฟุตบอลหญิงมาจนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลายาวนานถึง 10 ปีเต็มนั้น ไม่ได้มีแรงบันดาลใจอะไรมากมายไปกว่าการที่เธอต้องการจะเอาชนะความผิดหวังให้ได้

“มาดามแป้ง” เข้ามารับงานใหญ่ครั้งแรก ก็ต้องนั่งน้ำตาตกทันที เมื่อแข้งสาวไทยอกหักได้แค่รองแชมป์ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ สปป.ลาวเป็นเจ้าภาพ หลังดวลจุดโทษพ่ายให้กับเวียดนามในรอบ ชิงฯ ซึ่งคนที่ใกล้ชิดจะรู้ดีว่าเธอเจ็บปวดมากขนาดไหน

นับตั้งแต่นั้นมา จึงตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าจะต้องพาแข้งสาวไทยไปบอลโลกให้ได้

จนมาในปี 2014 แข้ง “ชบาแก้ว” ภายใต้การนำทัพของ “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน กุนซือใหญ่ ก็ทำความฝันให้เป็นความจริงขึ้นมา เมื่อเล่นภายใต้ความกดดันอันถาโถม ก่อนเฉือนเอาชนะ คู่รักคู่แค้นอย่างเวียดนามในรอบเพลย์ออฟ 2–1

ซิวตั๋วใบที่ 5 ซึ่งเป็นโควตาสุดท้ายของทวีปเอเชียไปลุยศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกในปี 2015 ที่ประเทศแคนาดาเป็นเจ้าภาพ ได้สำเร็จ

ทีมชาติไทยได้ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แถมยังทำผลงานได้อย่างน่าเซอร์ไพรส์สุดๆ

พวกเธอคว้า 3 แต้มแรกในฟุตบอลโลก ด้วยการเฉือนเอาชนะไอวอรีโคสต์แบบไม่มีใครคาดคิดด้วยสกอร์ 3-2 รวมทั้งเป็นทีมที่มีคะแนนมากที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 7 ทีมที่ตกรอบแรกด้วยกัน แม้กระทั่ง สเปนซึ่งเป็นทีมมหาอำนาจในโลกของฟุตบอลก็ยังมีคะแนนน้อยกว่า

นอกจากนี้ ทีมชาติไทยที่เพิ่งเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แต่จบอันดับที่ 17 จากทีมที่ร่วมฟาดแข้งทั้งหมด 24 ทีม ถือว่าเป็นผลงานอันยอดเยี่ยม และได้รับการยกย่องจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

ซึ่งทุกคนคงคิดว่าทุกอย่างคงจบลงแค่นั้น

แต่ที่ไหนได้ “ชบาแก้ว” กลับมาประกาศศักดาได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อกรุยทางในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่ประเทศจอร์แดน ได้อย่างประทับใจคนไทยทั้งชาติ ด้วยการผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี

พร้อมกับการันตีเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้สำเร็จ

ถือเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างน่าภาคภูมิใจ

มาถึงตรงนี้มันคงเลยจุดที่จะใช้คำว่า “สดุดี” เพื่อยกย่องพวกเธอไปแล้วด้วยซ้ำ!!!