Lemon Juice
เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยหลายคน อาจจะกำลังอยู่ในอาการสองอารมณ์แบบไม่ตั้งใจ หลังจากได้มีโอกาสเห็นฟอร์มการเล่นอันสุดสะเด่าเร้าใจของทีมชาติเวียดนามยู-23 ในศึกชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศจีน...
ยอมรับตามตรงว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะใจหนึ่งรู้สึกอิจฉาเมื่อหันกลับมาเห็นฟอร์มของ โซรัน ยานโควิช และลูกทีม ที่โดนเทตกรอบแรกแบบไม่มีลุ้น แต่อีกใจก็รู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย ที่เวียดนามพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทีมจากอาเซียนไม่ใช่ไม้ประดับอีกต่อไป
ถามว่าจากความล้มเหลวครั้งนี้ ใครคือคนที่ต้องรับผิดชอบ??? แน่นอนครับว่าทุกคนมีส่วนหมด และต้องกระจายความรับผิดชอบไปเท่าๆ กัน แต่ถึงแม้จะมีการจับแพะบูชายันตอนนี้ ถามจริงๆ ว่ามันจะได้อะไรขึ้นมา สิ่งที่ได้ก็คงเป็นแค่ความสะใจของแฟนบอลเพียงชั่วคราวเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย
อย่างไรก็ตาม คนที่น่าจะโดนหนักสุดคงหนีไม่พ้น โซรัน ยานโควิช กุนซือใหญ่ของทีมช้างศึกยู-23 ซึ่งสร้างผลงานชิ้นโบดำเต็มๆ สองตาแฟนบอล เพราะทั้งสามนัดที่ลงสนาม แทบหาคำว่า “น่าประทับใจ” ไม่เจอเลย
ตอนนี้ โซรัน เหมือนกำลังถูกจับไปยืนบนหน้าผาสูง พร้อมกับรอคำพิพากษาว่าเขาควรได้รับโอกาสคุมทีมต่อไปหรือไม่ เพราะมาตรฐานที่ “ซิโก้” แอนด์ เดอะ แก๊ง ทำไว้ในเอเชียนเกมส์เมื่อ 4 ปีก่อนค่อนข้างสูง และอาจจะสูงมากเมื่อเทียบกับฟอร์มและขุมกำลังของผู้เล่นชุดนี้
แน่นอนครับ เมื่อผลงานไม่ดีเฮดโค้ชคือคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ แต่ในกรณีนี้มันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ โซรัน ไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างแรกคือในเรื่องของขุมกำลัง ไม่รู้ว่ายังไง แต่ที่แน่ๆ สโมสรต้นสังกัดไม่ยอมปล่อยผู้เล่นตัวหลักบางราย มาเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ ทำให้บางตำแหน่งดูด้อยลงไป จนส่งผลเสียต่อทีมอย่างชัดเจน
อย่างที่สอง ระยะเวลาในการทำทีมที่มีน้อยเกินไป โซรัน ไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะใช้เวลาแค่ไม่กี่วันในการทำความรู้จักนักเตะ แล้วเสกความสำเร็จได้เลย กว่านักเตะจะเข้าแคมป์รายงานตัวเพื่อฝึกซ้อมแบบฟูลทีม บางคนก็อ้างนั่นอ้างนี่กว่าจะมาได้ ไม่เคยมีหรอกครับที่รายงานตัววันแรกแล้วจะครบทีมลงซ้อมได้เลย
และสุดท้าย บอกตามตรงว่า ฟอร์มของผู้เล่นชุดนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรมากมาย กับตอนได้แชมป์ซีเกมส์ เพียงแค่เปลี่ยนคู่แข่งจากในย่านอาเซียน ไปเป็นชาติในระดับหัวกะทิของเอเชียแค่นั้นเอง ทำให้ผลการแข่งขันจึงไม่เป็นอย่างที่ใจแฟนบอลต้องการได้
มีคนเคยกล่าวประโยคสุดคลาสสิกเอาไว้ว่า “ถ้าไม่เสียก็ไม่ต้องซ่อม” แต่ในกรณีจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องซ่อมอย่าง “หนัก” และ “ด่วนที่สุด” ด้วย ซึ่งสิ่งที่สมาคมฯ ต้องซ่อมและเปลี่ยนแปลงคงไม่ใช่แค่โค้ชเท่านั้น เพราะสองทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า การเปลี่ยนโค้ชอย่างเดียวไม่ทำให้ทีมชาติไทยยู-23 ดีขึ้นเลย.
>>LEMON JUICE<<