ไทยรัฐออนไลน์
จากเซลส์ขายนม, เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพช้ากว่าคนอื่น ก่อนติดทีมชาติครั้งแรกในวัยย่าง 35 ปี เขาเป็นใครมาจากไหน ทำความรู้จัก ประสิทธิ์ ผดุงโชค แข้งหน้าใหม่แห่งทัพช้างศึก จากรายงานพิเศษของ FA THAILAND....
นอกจาก สุพจน์ จดจำ แล้ว ประสิทธิ์ ผดุงโชค นายด่านจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นหน้าใหม่ที่ถูก มิโลวาน ราเยวัช เรียกมาติดทีมชาติไทยครั้งแรก ในเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดสุดท้ายของปี 2560 พบกับ ทีมชาติเมียนมา และ ทีมชาติเคนยา.. เขาเป็นใครมาจากไหน มีเส้นทางค้าแข้งอย่างไร ติดตามได้ที่นี่
เด็กหนุ่มจากจังหวัดชัยภูมิรายนี้ มีความหลงใหลฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ไม่เคยผ่านการฝึกปรือลูกหนังกับอคาเดมี่หรือสถาบันกีฬาชื่อดัง ทว่าเขาก็สั่งสมประสบการณ์ด้วยตัวเอง จากการเล่นเดินสาย ตั้งแต่อายุ 19 ปี ประสิทธิ์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลแทบทุกตำแหน่งทั้ง ผู้รักษาประตู, กองหน้า และกองหลัง แต่เขาเล่าว่าที่ได้เล่นบ่อยที่สุด ไม่ใช่ผู้รักษาประตูอย่างทุกวันนี้
“ผมเริ่มเล่นฟุตบอลเดินสาย ตั้งแต่อายุ 19-20 ก็เหมือนกับเด็กต่างจังหวัดทั่วไปครับ หิ้วสตั๊ดไป รวมทีมให้ครบ แล้วก็เตะเลย อารมณ์ประมาณว่าตำแหน่งไหนว่าง ตำแหน่งไหนขาด เราก็ไปเล่นตำแหน่งนั้น ประตูบ้าง เซ็นเตอร์บ้าง กองหน้าบ้าง ไม่มีรูปแบบการซ้อมการฝึกอะไร ความฟิตไม่มีเลยครับ ตำแหน่งที่ได้เล่นบ่อยสุดคือ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เพราะว่ามีน้องอีกคน เขาเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูได้แค่ตำแหน่งเดียว แต่ผมเล่นได้หลายตำแหน่ง เลยให้เขาเป็นประตูไป”
ในขณะที่เล่นฟุตบอลเดินสาย.. ชีวิตของ ประสิทธิ์ นับว่าน่าสนใจทีเดียว เมื่อระหว่างนั้นอาชีพหลักของเขาเป็นพนักงานบริษัททั่วไป และเซลส์ขายนม กระทั่งพบจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อรุ่นพี่ที่รู้จัก แมน จันทนาม ที่คุมทัพ นครราชสีมา เอฟซี ในดิวิชั่น 2 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ชื่อเดิม) ชักชวนไปร่วมทีมเมื่อฤดูกาล 2008 นับเป็นโอกาสแรกในการเล่นฟุตบอลอาชีพ ด้วยวัยถึง 26 ปี
“ในช่วงที่ยังไม่ได้เป็นนักฟุตบอลเต็มตัว ผมก็เป็นพนักงานบริษัททั่วไป และขายนม เวลาว่างๆ ก็จะจับกลุ่มกับเพื่อนแข่งรายการต่างๆ ที่มีเงินรางวัล ในตอนแรกก็อย่างที่บอก ผมทดลองเล่นหลายตำแหน่งทั้ง แบ็ก กองหลัง กองหน้า กระทั่งได้รุ่นพี่ที่รู้จักชักชวนไปร่วมทีมโคราช และก็สอนทักษะผู้รักษาประตูให้ เพราะเห็นว่าส่วนสูงของเราน่าจะใช้ประโยชน์ได้ กระทั่งสามารถพาต้นสังกัดในตอนนั้นเลื่อนขึ้นสู่ ดิวิชั่น 1”
หลังจากช่วย สวาทแคท เลื่อนชั้นสู่ลีกพระรองได้สำเร็จในฤดูกาล 2012 อีก 2 ปีต่อมาในฤดูกาล 2014 ประสิทธิ์ ที่โชว์ฟอร์มได้ดี ก็ถูกยักษ์ใหญ่อย่าง บีอีซี เทโรศาสน คว้าตัวไปร่วมทัพ แม้ชีวิตค้าแข้งที่เมืองหลวงครั้งแรก จะไม่ได้สวยหรู เมื่อไม่ใช่ผู้รักษาประตูมือ 1 แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยม หลังก้มหน้าก้มตาทำงานหนักและรอคอยโอกาสที่จะเข้ามา
“ตอนนั้นผมยอมรับว่าไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งมือ 1 หรือมือ 2 เท่าไหร่นัก เพียงแต่อยากทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเมื่อได้รับโอกาส ซึ่งตอนนั้นยังเหลือสัญญากับสโมสรอีก 1 ปี จึงอยากแสดงความสามารถเพื่อตอบแทนโอกาสดีๆ ที่ผมได้รับ และก็กำลังใจจากแฟนบอลให้มากที่สุดเท่านั้นเอง”
กระทั่งฤดูกาล 2016 ประสิทธิ์ ก็ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งมือหนึ่งของ มังกรไฟ ได้อย่างเต็มตัว นอกจากลงสนามให้ทีมในลีกไปถึง 28 นัด นับว่ามากที่สุดแล้ว เขายังช่วยให้ทีมจบอันดับ 9 ของตาราง ก่อนที่ฤดูกาล 2017 จากเด็กหนุ่มอดีตที่เคยเป็นเซลส์ขายนม มาวันนี้ถูกแชมป์เก่าอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าตัวไปร่วมทัพ ภายใต้ชายคากิเลนผยอง “ประสิทธิ์” แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง แม้รู้ดีว่าเป็นได้แค่ตัวสำรอง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งยากที่จะเบียด แต่เขาก็พยายามทำงานหนัก รวมถึงฝึกซ้อมให้ดีที่สุด กระทั่งในวันที่ “ตอง” ได้รับบาดเจ็บ เขาไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ เมื่อขึ้นมาทำหน้าที่แทนได้อย่างยอดเยี่ยม รวม 8 นัด พาทีมไม่แพ้ใครเลย ชนะ 7 นัด เสมอ 1 นัด เก็บคลีนซีต 3 นัด และเสียเพียง 6 ประตู ก่อนติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต
"ขนลุกครับ รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจมากๆ มันเป็นเกียรติให้กับวงศ์ตระกูลของผมด้วย” ประสิทธิ์กล่าว "ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยติดทีมชาติชุดไหนเลยตั้งแต่รุ่นเยาวชน ตอนแรกผมนึกว่าโทรมาอำกัน คิดว่าจะเอาผมไปติดทำไม (หัวเราะ)” "ส่วนตัวผมเองหลังจากนี้คิดว่าเราต้องยิ่งพัฒนาตัวเองมากกว่าที่เราเล่นในสโมสร เราหวังจะเก็บประสบการณ์ที่เราได้ไปร่วมทีมครั้งนี้ มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะออกมาเป็นคำพูดได้ มันเป็นกำไรชีวิต ก็หวังว่าจะได้รับโอกาสต่อเนื่อง ก็อยากทำผลงานให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป" ประสิทธิ์ ปิดท้าย.