เบี้ยหงาย
ชัดเจนออกมาแล้ว กับแนวทางการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาลใหม่ 2023/2024 ซึ่งจะเริ่มเปิดฉากกัน ในกลางเดือนหน้า และเป็นรูปแบบใหม่ที่ 16 สโมสร ในไทยลีก 1 จับมือกันมาบริหารจัดการหารายได้กันเองในส่วนนี้
นับว่าน่าสนใจ และมองเห็นถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอยู่ไม่น้อย หากได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับของแต่ละสโมสร
โดยการถ่ายทอดสดทาง OTT หรือทางอินเตอร์เน็ตนั้น ผ่านโครงข่าย 3 เจ้าหลัก เอไอเอส, ทรู และ 3BB โดย 3 ค่ายนี้ได้ส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือก็เป็นของสโมสรต่างๆ ซึ่งมีการคิดค่าแพ็กเกจรายเดือนอยู่ที่ 59 บาท และรายปี ปีละ 500 บาท คงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ซึ่งมีการวางเป้าไว้ให้แต่ละสโมสร ขายให้ได้สโมสรละ 20,000 ยูสเซอร์ และ 16 สโมสรสมาชิกยังมีมติร่วมกันในทุกเกมเหย้า จะมีกิจกรรมสนับสนุนให้เป็นสปอร์ต เอนเตอร์เทนเมนต์ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ดึงดูดให้แฟนบอลเข้ามาชมกันในสนาม และหากสโมสรขายได้ตามเป้าก็สามารถดึงสัญญาณการถ่ายทอดสดไปออกในช่องทางของตัวเอง ทำกิจกรรมเพิ่มมูลค่าได้อีก
ขณะที่การถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวี มอบหมายให้ “แพลนบี” เจ้าเก่าเป็นผู้ดำเนินการเจรจาหาช่องทาง ดำเนินการสร้างรายได้
แน่นอนจะต้องมีการปรับโปรแกรมเพื่อเอื้อให้เกิดการถ่ายทอดสด ซึ่งจะมีเตะกันในวันศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ และจันทร์ จัดคิวให้บิ๊กแมตช์ไม่ทับซ้อนกัน หรือทับกันน้อยที่สุด
นี่คือแนวทางที่มุ่งเป้าให้แฟนคลับหรือผู้ชม เป็นกลไกสำคัญในการหล่อเลี้ยงสโมสรต่างๆให้อยู่รอด นั่นเท่ากับว่าต่อไปนี้ ฟุตบอลไทยลีก 1 จะยืนหยัด อยู่รอดปลอดภัย หรือจะรุ่งเรืองแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับแฟนๆจะเมตตา สนับสนุนด้วยการควักกระเป๋าซื้อแพ็กเกจการถ่ายทอดสด
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯถอยออกมายืนดูอยู่ห่างๆ คอยสนับสนุนในการดำเนินการจัดการแข่งขัน ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ แต่ไม่เกี่ยวกับการหารายได้เข้ามาให้แล้ว
และการที่จะดึงให้แฟนบอลเข้ามาสนับสนุน ก็ย่อมจะต้องขึ้นอยู่กับสโมสรต่างๆเอง จะสามารถสร้างให้ทีมมีคุณภาพ หล่อเลี้ยงจิตใจดึงแฟนคลับไว้ได้ขนาดไหน
ถือเป็นเรื่องดี และเป็นความรับผิดชอบโดยตรง ระหว่างทีมกับแฟนบอล
รอดไม่รอดอยู่ที่สโมสรโดยตรง
ต่อไปนี้ไม่สามารถไปโทษใครได้อีกแล้ว...
“เบี้ยหงาย”