บี บางปะกง
จ่าฝูงบอลไทยลีกฤดูกาลนี้เปลี่ยนมือเสียทีครับ หลังแข้งเซราะกราว บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เก็บได้แค่แต้มเดียวจาก 2 เกมล่าสุด โดยวันเสาร์ออกไปพ่ายแชมป์เก่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 0-1 จากการโขกประตูชัยของอันเดรส ตูเญซ ที่ใช้ “กฎการยิงประตูทีมเก่า” มาเล่นงานอู่ข้าวอู่น้ำของตัวเองอย่างเจ็บแสบอีกคำรบ
พอมาถึงวันอังคารหลายคนเชื่อว่า ขุนพลปราสาทสายฟ้า คงจะคืนฟอร์มเก่งกลับมาไล่ยำใหญ่ น้องใหม่ หนองบัว พิชญ เอฟซี ในช้าง อารีน่า ได้ไม่ยากเย็น เพื่อจะเซฟบัลลังก์จ่าฝูงของตัวเองออกไปอีกหน่อย หลังคู่แข่งทั้งทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และบีจี ต่างไล่กวดมาจนหายใจรดต้นคอเต็มทีแล้ว
โดยลืมไปว่านี่มันคือศึกแห่งศักดิ์ศรี “ดาร์บี้ แมตช์อีสาน” ที่ไม่มีใครยอมใครง่ายๆแน่
ซึ่ง “พญาไก่ชน” หนองบัวฯ ก็แสดงให้ทุกคนได้เห็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วยการต่อกรกับเจ้าถิ่นได้อย่างน่าดูชมตลอดทั้งเกม ทั้งที่หน้าเสื่อแล้วเป็นรองสุดกู่ แถมยังเหลือผู้เล่น 10 คน ในสนามช่วงครึ่งหลังอีกต่างหาก
แต่จนแล้วจนรอดบุรีรัมย์ก็ไม่มีปัญญาส่งบอล เข้าสู่ก้นตาข่ายพวกเขาได้ จำต้องแบ่งแต้มกันไป อย่างชนิดเซ็งอารมณ์เจ้าของสนามเป็นยิ่งนัก
จบเกมแฟนบอลทั่วประเทศที่ได้ดูการ ถ่ายทอดสดผ่านทาง AIS PLAY ต่างก็เห็นชัดประจักษ์กะตาตัวเองว่า ทีมเยือนโดนอะไรไปบ้าง จากเกมนัดนี้ ถึงขนาดยกตำแหน่ง “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” ให้ท่านเปา นที ชูสุวรรณ และ ทีมงาน VAR ที่ทำหน้าที่ได้เข้าเบ้าตากรรมการซะเหลือเกิน!!
ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมบอลไทยมันถึงย่ำอยู่ที่ ไม่ยอมไปถึงไหน ขณะที่องคาพยพอื่นเขาพยายามปรับตัวพัฒนากันหมดแล้ว จะมีก็แต่ “ผู้ตัดสิน” นี่แหละ...ที่ยังเป็น ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี ไม่ยอมปรับเปลี่ยนวิธีคิดอ่านแบบเดิมๆ ให้มันดีขึ้นกว่ายุคอดีตที่ผ่านมา
ทั้งที่ปัจจุบันมี VAR มาเป็นร่มชูชีพคอยช่วย ตัดสินแล้ว แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือ VAR ยังมีการ ตัดสินใจของคณะกรรมการในห้องควบคุมมาเป็น ตัวแปรสำคัญในการชี้ขาดผลแพ้ชนะในแต่ละเกม กันอีกแล้ว อย่างนี้มันจะเจริญได้ไงล่ะ...พ่อคุณเอ๋ย!
ผลพวงจากการทำได้แค่เจ๊าของบุรีรัมย์ในเกมนี้ ส่งผลให้พวกเขากระเด็นตกบัลลังก์จ่าฝูงที่ยึดครองมา นานจนได้ โดยมีพลพรรค “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งทำแต้มขึ้นมาเท่ากันที่ 26 คะแนนแล้ว ในเวลานี้ แต่ยิงประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่นจนลูกได้เสีย แซงหน้าขึ้นไป 1 ลูก เลยผงาดแซง ขึ้นไปนั่งหนาว ในตำแหน่งผู้นำแทนเรียบร้อยโรงเรียนบียู
สร้างความปลาบปลื้มให้กับประธานสโมสร “บิ๊กขจร เจียรวนนท์” และสาวกแข้งเทพที่ได้รับไฟเขียวให้เข้ามาชมเกมในสนามทรู สเตเดียมเป็นนัดแรกในเกมล่าสุดที่พวกเขาเปิดบ้านถล่มแหลก โปลิศ เทโร ถึงห้าเม็ดพอดิบพอดี
การขึ้นไปครองจ่าฝูงของแบงค็อกในคราวนี้ ต้องยกเครดิตให้กับกุนซือใหญ่ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน และสตาฟฟ์ทั้งหมด ที่ช่วยกันรีดเค้นศักยภาพ ของผู้เล่นซุปเปอร์สตาร์และดาวรุ่งภายในทีมออกมา ใช้ได้อย่างลงล็อกลงตัว
รวมทั้งการทำงานหนักของ “มาดามนุ่น” ชณิตา จันทรทรัพย์ รองประธานสโมสร และ “บอสนิว” สุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีมหนุ่มไฟแรง ที่เป็นลมใต้ปีกคอยซัพพอร์ตทีมอยู่เบื้องหลังตลอดมา
จากการระเบิดฟอร์มเหี้ยมเกรียมถลุงคู่แข่ง 2 นัด 9 ประตู (บุกซัลโว เชียงราย 4-0 ต่อด้วย เปิดบ้านยิงสลุต เทโร อีก 5-0) ทำให้ Motto ของ สโมสรในปีนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาชูอีกครั้ง กับประโยคที่ว่า “Never say never ” อย่าบอกว่า เป็นไปไม่ได้
สำหรับการประเดิมแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก ของ “แข้งเทพ”
ถ้าพวกเขายังโชว์ “ฟอร์มเทพ” ได้ยาวๆ อยู่แบบนี้!!!
บี บางปะกง