หน้าแรกแกลเลอรี่

แมตช์ทวงแชมป์

บี บางปะกง

11 ธ.ค. 2563 05:01 น.

จำได้ว่าปีนี้ผมเขียนถึง “ฟุตซอลไทยลีก 2020” เพียงครั้งเดียว ตอนก่อนจะเปิดฤดูกาลในเดือน ส.ค. โดยเป็นการเปิดใจ “ประธานแปม” ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ แห่งพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ที่หมายมั่นปั้นมือจะทวงบัลลังก์แชมป์ลีกโต๊ะเล็กที่เสียไป 2 ปีซ้อน กลับคืนมาให้จงได้เผลอแป๊บเดียว... นี่กำลังจะ 5 เดือนเต็มแล้ว

ซึ่งการแข่งขันเข้าสู่โค้งสุดท้ายเหลืออีกแค่ 4 แมตช์เท่านั้น ก็จะรูดม่านปิดซีซันลงท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจของฝ่ายจัด ที่นำโดย “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลฯ ที่พยายามทุกวิถีทางให้ทัวร์นาเมนต์เตะจบภายในปีนี้

โดยในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 12 และ 13 ธ.ค. จะเป็นเกมฟาดแข้งนัดที่ 23 ที่บางกอก อารีน่า หนองจอก ทั้ง 7 คู่เหมือนเดิม

และแน่นอนเกมไฮไลต์ที่ทุกคนเฝ้ารอคอย หนีไม่พ้นซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ ระหว่างจ่าฝูงพีทีที บลูเวฟ ชลบุรี พบกับการท่าเรือ เอเอสเอ็ม ซึ่งรั้งอยู่อันดับ 2 ของตาราง

นี่เป็นเกมสำคัญที่สุดของ “ฉลามพลังเพลิง” อย่างแท้จริง!! หลังผ่านไปแล้ว 22 แมตช์ พวกเขายัง “ยืนหนึ่ง” อยู่บนตารางคะแนนอย่างเหนียวแน่น โดยมีอยู่ 60 แต้ม และยิงคู่แข่งไปแล้วถึง 96 ประตู

ทิ้งห่าง “สิงห์คลองเตย” รองจ่าฝูง อยู่ที่ 7 คะแนน ดังนั้น แมตช์นี้ถ้าบลูเวฟกำชัยชนะเก็บอีก 3 แต้มได้สำเร็จ

นั่นหมายถึงถ้วยชนะเลิศลีกฟุตซอลเมืองไทยจะกลับคืนสู่อ้อมกอดฉลามในทันที

หลังจากที่ผ่านมาต้องเสียมงกุฎแชมป์ให้กับการท่าเรือไปถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน

แต่ถามว่าแมตช์นี้พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี จะเคี้ยวแข้งเจ้าท่าสะดวกโยธินหรือไม่?

ตอบได้เลยว่า “ไม่” แน่นอนครับ!!

เพราะอย่างที่รู้กันว่าถ้าเป็นฟุตซอลบ้านเรา ก็มีอยู่ 2 สโมสรนี้แหละ ที่ครองความยิ่งใหญ่มายาวนานต่อเนื่อง

การพบกันแต่ละครั้งของคู่รักคู่แค้นตลอดกาล เป็นอะไรที่สุดสูสีผลออกได้ทั้ง 3 หน้า

อย่างปีนี้ทั้งคู่เจอกันในเลกแรกเมื่อเดือน ก.ย. เป็นบลูเวฟที่เฉือนชัยไปได้ 2–1

ซึ่งสภาพทีมฉลามโต๊ะเล็กที่เป็นอดีตแชมป์ฟุตซอลลีกมาแล้วถึง 9 สมัย และปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกลับไปเป็น “เบอร์ 1” อีกครั้งในปีนี้

ทาง “บิ๊กแปม” ธัชพัทธ์ ประธานหนุ่มไฟแรง กระซิบบอกผมว่าด้วยขุมกำลังโดยรวมแล้ว ตนมองว่าปีที่แล้วเราน่าจะแข็งแกร่งกว่า แต่ดันมาพลาดเองเยอะไปหน่อย

ขณะที่ทีมชุดปัจจุบัน แม้ต้องขาดผู้เล่นตัวแกนหลัก อย่าง “เจ้าอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ที่ไปโกยเงินเยนในลีกฟุตซอลของญี่ปุ่น ทำให้เราต้องดันผู้เล่นดาวรุ่งเลือดใหม่ขึ้นมาเสริมทัพ

ซึ่งก็ต้องชมเชยน้องๆทุกคนที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทในทุกเกมที่ลงสนาม เล่นตามแท็กติกที่กุนซือชาวสเปน “คาร์ลอส เซซาร์ นูเนซ กาโก” วางหมากให้อย่างมีวินัยเป๊ะๆ

นอกจากนี้ จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่มาแทนศุภวุฒิ ได้อย่างลงตัว ก็คือ “เจ้าเหม็ด” มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ก็ระเบิดฟอร์มถล่มประตูไปแล้ว 17 ลูกด้วยกันรั้งอยู่อันดับ 3 ร่วม ดาวซัลโวลีกในตอนนี้

ทั้งหมดคือปัจจัยที่ทำให้ “ฉลามพลังเพลิง” เข้าใกล้แล้วกับเป้าหมาย ในการคัมแบ็กตำแหน่งสุดยอด “แชมเปียน” โต๊ะเล็กลีกเมืองไทย ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

เรียกได้ว่าจะสมหวังกันจริงๆหรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับแชมป์เก่า พลพรรคสิงห์คลองเตยจะเป็นผู้ให้คำตอบ ในบ่ายแก่ๆวันอาทิตย์ที่ 13 ธ.ค.นี้

“ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32” จะถ่ายทอดสดให้ลุ้นเชียร์กันทั่วประเทศ ตั้งแต่ 15.00 น.เป็นต้นไป

ล็อกช่อง...ล็อกเวลาไว้ได้เลย!!!

บี บางปะกง