บี บางปะกง
ยังเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่คุยกันไม่จบกับวีรกรรม วีรเวร ของผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ในเกมไทยลีกนัดบิ๊กแมตช์ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ 2-1 ในเกมกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปกติผมจะไม่ค่อยได้วิจารณ์ท่านเปาบ่อยนักหรอก ถ้าเลี่ยงได้ก็พยายามจะเลี่ยง
เพราะพอจะเข้าใจถึงหัวอกสิงห์เชิ้ตดำบ้านเรา ที่ต้องเจอแรงกดดันสารพัด จนบ่อยครั้งถึงกับเป่าออกทะเลหามาตรฐานตัวเองไม่ค่อยจะเจอ
แต่เหตุการณ์ที่สิงห์ สเตเดียม ซึ่งคนทั้งประเทศได้เห็นกะสองลูกตาผ่านการถ่ายทอดสดในเกมนี้... มันสุดบรรยายจริงๆครับ
กับการทำหน้าที่ผิดพลาดในหลายๆจังหวะ โดยเฉพาะช็อตได้เสีย ที่สร้างความเสียหายให้กับทีมเยือน กิเลนผยอง ที่ต้องตกเป็นฝ่ายปราชัยในเกมนี้
ทั้งที่รูปแบบการเล่น...ไม่ได้มีอะไรที่เป็นรองเจ้าถิ่นเลยแม้แต่น้อย!!
สมควรแล้วล่ะครับ ที่หลังจบเกมแล้ว “ทัวร์จะลง”
ตกเป็นเป้าวิจารณ์อย่างหนักหน่วงของแฟน บอลทั่วสารทิศ ที่เข้ามาชยันโตทีมงานผู้ตัดสินผ่านโลกโซเชียลอย่างชนิดกระหน่ำซัมเมอร์เซล... แบบไม่เคยปรากฏมาก่อน
โดยเฉพาะท่านเปาที่ทำหน้าที่ในสนามอย่าง “วิวรรธน์ จำปาอ่อน” ซึ่งโดนหนักกว่าใครเพื่อน
ถูกขุดคดีเก่าๆออกมาแฉเป็นชุดว่าเชิ้ตดำรายนี้ ไม่ใช่เพิ่งผิดครั้งแรก แต่ประวัติที่ผ่านมาเคยโดนลงโทษมาแล้วหลายครั้งหลายหน
ล่าสุดก็ถูกแบนไป 3 สัปดาห์ จากความผิดพลาดในการทำหน้าที่แมตช์ราชบุรีเอาชนะบุรีรัมย์ ในศึกไทยลีก 2020 เมื่อช่วงต้นปี
ขณะเดียวกันทีมงานผู้ตัดสินแมตช์นี้ อันประกอบไปด้วย ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 โชติระวีย์ ทองดวง, ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 วิเชษฐ์ เกตุแก้ว, ผู้ตัดสินที่ 4 ชัยฤกษ์ งามสม, ผู้ตัดสินวีเออาร์ 1 วรินทร สัสดี และผู้ตัดสินวีเออาร์ 2 สุริยา หลีอินทร์
ก็โดนเมืองทองยื่นฟ้องตาม เปา วิวรรธน์ แบบยกก๊วน เพราะถือว่าทุกคนมีส่วนในความผิดร่วมกันทั้งหมด
โดย 4 ข้อหาที่ผู้บริหารกิเลนได้ทำการยื่นฟ้องคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกอบด้วย
1.จังหวะที่พิชา อุทรา หลุดเข้าไปยิงประตูตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่ถูกผู้ตัดสินปฏิเสธให้เป็นลูกล้ำหน้า ทั้งที่จริงเป็นจังหวะที่พิชา อุทรา วิ่งขึ้นมาจากข้างหลัง
2.เรื่องของ VAR ที่เสียในครึ่งแรก แต่ไม่มีการแจ้งให้กับทีมงานได้รับทราบ และมีผลต่อเนื่องมาถึงกรณีที่พิชา อุทรา ยิงเข้าไปแต่ไม่มีการเช็ค VAR เพื่อมายืนยันว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าจริงหรือไม่
3.ศนุกรานต์ ถิ่นจอม นักเตะของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่โดนใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งแรก และได้เข้าหนักตลอดทั้งเกม แต่ผู้ตัดสินไม่ยอมแจกใบเหลืองที่ 2 ให้เป็นใบแดง และไม่เคยหยุดที่จะมาดูจังหวะที่นักเตะเอสซีจี เมืองทอง ถูกศนุกรานต์ ถิ่นจอม ไล่เตะเกือบตลอดทั้งเกม
และ 4.จังหวะที่ซาดอร์ มีร์ซาเยฟ นักเตะของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดนเสียบล้มลงในกรอบเขตโทษในครึ่งหลังอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้ตัดสิน วิวรรธน์ จำปาอ่อน ไม่ยอมหยุดดู VAR แต่อย่างใด
ซึ่งทั้ง 4 ข้อที่ฟ้องไป ล้วนแต่เข้าตากรรมการแบบจะจะ โดยที่เมืองทองไม่ได้มโนไปเอง เพราะใครต่อใครที่ได้ดูเกมนัดนี้เขาก็เห็นเหมือนกันหมด
อย่างเรื่อง VAR ก็เหมือนกัน แต่ละนัดลงทุนเหยียบแสน แต่เชื่อไหมว่าตั้งแต่ไทยลีกกลับมาแข่งกันเที่ยวนี้ มันเสียไปแล้วถึง 4 นัด
แถมเกมนี้ยังเกิดขัดข้อง ในจังหวะที่ทีมเยือนกำลังจะได้ประโยชน์อีกต่างหาก
แต่พอบทจะใช้การได้ก็เป็นจังหวะที่กรรมการเป่าจุดโทษให้เจ้าบ้านมันซะงั้น!!
นี่ยังไม่รวมอีกหลายต่อ...หลายช็อต ที่เป่าค้านสายตาคนดู จนเขามึนกันไปหมด
ความจริงบอลแมตช์นี้ ทั้งสองทีมเล่นกันสนุกสมศักดิ์ศรีมากนะครับ
จะเสียอารมณ์ เสียฟิลลิ่ง ก็ตรงการตัดสินที่ “ไร้มาตรฐาน”ของเชิ้ตดำนี่แหละ ทำให้บรรยากาศทุกอย่างมันพาลเสียไปหมด
ก็ฝากถึงท่านประมุขลูกหนังไทย และผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ทั้งหมด
ปัญหา เปา “ท็อปฟอร์ม” อย่างนี้...ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ จนกลายเป็นซ้ำซาก...น่าเบื่อหน่าย
อีกหน่อยบอลลีกบ้านเรา...คงไม่แคล้วเข้าสู่วังวน “ถอยหลังลงคลอง”
อย่างที่หลายคน...หวาดหวั่นเป็นแน่แท้!!!
บี บางปะกง