หน้าแรกแกลเลอรี่

"วัฒนศิลป์ หัดไท" จากเด็กเสิร์ฟ สู่นายทวารโดนถลุง 10 ลูก แต่ได้ใจแฟนทั้งสนาม

ข้าว บาเล่ย์

10 พ.ย. 2563 07:00 น.

ชัยชนะของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 10-0 เหนือพัฒนานิคม ซิตี้ ทีมจากอเมเจอร์ลีก ไม่ได้เหนือความคาดหมายนัก แต่เกมนัดนี้ ถือเป็นเวทีที่ทำให้แฟนฟุตบอลรู้จักกับนายทวารที่ชื่อ "วัฒนศิลป์ หัดไท"

เขาคือผู้รักษาประตูของทีมพัฒนานิคม ซิตี้ ในวัย 18 ปี ที่โดนลูกทีมของ "มาริโอ ยูรอฟสกี้" ถล่มไปถึง 10 ลูก แต่ตลอดทั้งเกม "เจ้าปอนด์" สามารถโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมและเซฟในจังหวะสำคัญอย่างต่อเนื่อง จนได้รับเสียงปรบมือทั้งสนามหลังจบเกม   

ทำให้คุณแม่สุนทรี ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งเป็นคุณแม่แท้ๆ ของ "ตอง-กวินทร์" ถึงกับเรียกไปหาหลังจบเกม เพื่อมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้นายทวารรายนี้ 

ย้อนกลับไป ชีวิตของ "ปอนด์" วัฒนศิลป์ หัดไท คือเด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่ง ที่ย้ายภูมิลำเนาจากจังหวัดกาญจนบุรี มาเรียนที่จังหวัดสระบุรี เขาเริ่มสนใจในการเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งแม้ว่าวัฒนศิลป์ จะมีรูปร่างค่อนข้างเล็ก กับความสูงประมาณ 170 เซนติเมตร แต่เขาก็อยากจะลองเล่นในตำแหน่งนี้ โดยเขาพยายามเรียนรู้จากผู้รักษาประตูมือดีแต่ร่างเล็ก อย่าง ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ และกัมพล ปฐมอรรฆ์กุล รวมถึงศึกษาแนวทางของกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ อยู่เสมอ 

ก่อนจะได้โควตานักกีฬาเข้าเรียนในระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนวังม่วงวิทยาคม ที่นั่นเป็นเวทีสำหรับการฝึกปรือฝีมือ จนไปเข้าตาของผู้บริหารทีมพัฒนานิคม ซิตี้ ทีมในระดับสมัครเล่นจากจังหวัดลพบุรี เรียกไปเล่นกับพี่ๆ ในทีม ด้วยระบบทีมสมัครเล่น ทำให้เขาเองยังไม่ได้รับเงินเดือน แต่สโมสรเลี้ยงดูในลักษณะการให้อาหารการกินครบถ้วน ไม่ขาดตกบกพร่อง

ปัจจุบัน "ปอนด์" จบการศึกษามัธยมปลายแล้ว แต่ตัดสินใจว่าจะไม่เรียนต่อ ทุกวันนี้ เขาหาเลี้ยงชีพจากการทำงานในร้านอาหารเล็กๆในสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรี ทำหน้าที่รับออเดอร์ แลกกับค่าตอบแทนวันละ 250-400 บาท และใช้เวลาจากงานร้านอาหาร ไปฝึกซ้อมฟุตบอลกับทีมพัฒนานิคม ซิตี้  

จุดเปลี่ยนที่อาจจะเล็กสำหรับบางคน แต่กลับเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของวัฒนศิลป์ เมื่อพัฒนานิคม ซิตี้ ต้นสังกัดของเขา จับสลากมาพบกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในศึกช้าง เอฟเอ คัพ ซึ่งทันทีที่ผลการจับสลากออกมา ทีมก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง แต่ผู้บริหารของทีมก็ได้สั่งให้ผู้เล่นทุกคนในทีมสู้ให้เต็มที่ที่สุด และเก็บประสบการณ์ครั้งสำคัญในนัดนี้ 

เช่นเดียวกับ วัฒนศิลป์ ที่ต้องการเก็บประสบการณ์ให้มากที่สุด 

แต่ด้วยประสบการณ์ต้องยอมรับว่า ทีมของเขาสู้ไม่ได้ ทุกประตูที่เสียไปให้เอสซีจี เมืองทองฯ เขาเสียใจ แต่ได้กระตุ้นตัวเองทุกครั้งว่า "อย่าเสียอีกๆ" จนสุดท้ายสถิติการเสียประตูของเขาในเกมนี้ ก็คือ 10 ประตู 

หลังจบเกม แฟนๆ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาขอถ่ายรูปกับนายทวารรายนี้ รวมถึงคุณแม่สุนทรี ที่เขามามอบถึงมือของสมพร ยศ และแมสก์ของกวินทร์ ให้ 

จากนั้น วินาทีที่เขาจะจำได้ไม่ลืมก็เกิดขึ้น เมื่อคุณแม่ของตอง ตัดสินใจวิดีโอคอลล์ไปหากวินทร์ เพื่อให้วัฒนศิลป์ ได้พูดคุยด้วยเป็นช่วงเวลาสั้นๆ 

"สู้ๆ นะน้อง พี่เป็นกำลังใจให้ ไว้พี่กลับไปเดี๋ยวเจอกัน"  

นั่นคือคำพูดที่เปี่ยมพลัง และทำให้นายทวารรายนี้ พร้อมที่จะมุ่งมั่น เพื่อความฝันที่จะก้าวมาเป็นผู้รักษาประตูในลีกอาชีพให้ได้ ในอนาคต 

"มันเป็นสิ่งที่ผมก็ไม่คิดว่า วันหนึ่ง ผู้รักษาประตูจากทีมเล็กๆ ตัวเล็กๆ คนนี้ จะได้มาเหยียบที่สนามทีมเมืองทอง ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้รักษาประตูทีมชาติ มันเป็นความฝันมาตลอด ถ้าวันนึง ผมจะได้ก้าวไปเล่นฟุตบอลอาชีพบ้าง ผมจะดีใจมากๆ ครับ จากนี้ ผมจะพยายามต่อไปเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้" 

สุดท้ายแล้ว ฟุตบอลไม่ได้จบแค่แพ้ หรือ ชนะ แต่ตราบใดที่ความพยายามของนักกีฬาไม่มีสิ้นสุด เรื่องราวดีๆ มักจะเกิดขึ้นกับกีฬาชนิดนี้เสมอ

ข้าวบาร์เลย์