หน้าแรกแกลเลอรี่

ยิ้มได้เมื่อภัยมา

บี บางปะกง

12 ต.ค. 2563 05:01 น.

เรียนคุณบี บางปะกง ที่นับถือ ภายหลังปรากฏการณ์ไฟฟ้าเจ้ากรรมที่สนามแพทสเตเดียม รังเหย้าของสิงห์เจ้าท่า การท่าเรือ เอฟซี ดับสองครั้งสองคราในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันทำให้เกิดกระแสการแสดงทรรศนะของสื่อสายกีฬาและแฟนลูกหนังที่ติดตามศึกไทยลีก 2020 กันอย่างหลากหลายประกอบกับคุณบีได้บรรเลงน้ำหมึกเรื่อง “ตัดสินใจง่ายขึ้น” ต่อกรณีดังกล่าวผ่านคอลัมน์เรียงหน้าชนของกราวกีฬาไทยรัฐ ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา

ในฐานะหนึ่งในคนลูกหนังและแฟนพันธุ์แท้ของสิงห์เจ้าท่ามาตั้งแต่ยุคของการดวลแข้งในศึกชิงถ้วยพระราชทาน ก.วันนี้จึงขอ “กระชับวงล้อมปันความคิด” ในการสะท้อนมุมมองร่วมกับคุณบี และแฟนลูกหนังด้วยคน

คุณบีและแฟนคลับสิงห์เจ้าท่าตลอดจนแฟนลูกหนังทั่วไปที่ติดตามผลงานในการดวลแข้งสำหรับไทยลีกในฤดูกาลนี้คงจะทราบแล้วว่าการท่าเรือ เอฟซี เป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ ทั้งนี้เพราะประธานสโมสรเจ้าของฉายา “หญิงแกร่ง” ได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และแรงเงินไปมากมาย

แม้กระทั่งการสำรวจความคิดเห็นแฟนกีฬาของ KBU SPORT POLL โดย ศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต หลังจากไทยลีกกลับมารีสตาร์ตหลังจากพักแข้งเพราะการระบาดของไวรัสโควิด -19 พบว่าแฟนกีฬาส่วนใหญ่ยังมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่าทีมสิงห์เจ้าท่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีโอกาสคว้าแชมป์ไปครอง

แต่แล้วความหวังของนักเตะและทีมงานบริหารรวมทั้งบรรดาแฟนพันธุ์แท้ต้องสะดุดและส่งผลให้ความหวังที่ทีมจากคลองเตยจะก้าวไปสู่ 2 ทีมในการยึดอันดับหัวตารางคะแนนของเลกแรกเพื่อคว้าตั๋วไปลุยในศึกเอเชียรอบแบ่งกลุ่ม ก็พลอยให้เสียขวัญไปพอสมควรเมื่อเกิดปรากฏการณ์ไฟฟ้าดับดังที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

อย่างไรก็ตาม การที่ไฟฟ้าในสนามดับจนทำให้ไม่สามารถแข่งขันต่อได้ถึง 2 ครั้งและกลับส่งผลให้สโมสรถูกลงโทษตามกฎการแข่งขันนั้นในประเด็นไฟฟ้าเจ้ากรรมที่นำมาซึ่งผลกระทบต่อทีมสิงห์เจ้าท่าในครั้งนี้แน่นอนย่อมที่จะสะท้อนให้สังคมได้วิเคราะห์ไปได้ต่างๆนานา ทั้งเป็นเรื่องของอุบัติเหตุหรือเนื่องมาจากการวางยาของอีแอบหรือผู้ไม่ประสงค์ที่จะเปิดเผยตัวตนหรือไม่นั้น ขณะนี้ทีมงานบริหารภายใต้การนำของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ กำลังดำเนินการเพื่อให้มาซึ่งความจริง

และเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุดังกล่าวต้องย้อนรอย กลับมาซ้ำเติมให้เจ็บกระดองใจอีกต่อไป ด้วยวิสัยทัศน์ และการมองไกลของประธานสโมสรใจแกร่งดัง “กุหลาบเพชร” ที่มุ่งมั่นในการที่จะนำทีมสิงห์เจ้าท่า ให้กลับมาผงาดดังฉายาของสโมสรอีกครั้งด้วยการขอย้ายรังเหย้าชั่วคราวในการแข่งขันเลกแรกจากถิ่นคลองเตยไปยัง ลีโอ สเตเดียมก็ถือได้ว่าเป็นแนวคิดที่เหมาะกับสภาวการณ์ แต่การย้ายสังเวียนของเจ้าบ้านไปไกลถึงถิ่นปทุมธานีไม่แน่ว่าแฟนๆจะพร้อม ที่จะตามไปเชียร์กันเหมือนเดิมหรือไม่ก็ยังไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้

แต่จากการติดตามในเพจของสโมสรทำให้น่าดีใจแทนบรรดานักเตะและทีมบริหารของสโมสรสิงห์เจ้าท่าที่แฟนๆยังยืนหยัดและยืนยันพร้อมจะเดินเคียงคู่ไปด้วยกันดังคำกล่าวที่ว่า “The way we work together” และจากการแสดงออกของแฟนๆ ที่ไม่ทิ้งกันและกันในครั้งนี้หากส่องไปที่หัวจิตหัวใจของ “กุหลาบเพชร” อย่างมาดามแป้งด้วยแล้วก็สอดคล้องกับความตั้งใจที่จะไม่ถอดใจและยังเดินหน้าเพื่อวงการลูกหนังและการท่าเรือ เอฟซี สืบไป ดังข้อความในการเปิดใจตอนหนึ่งว่า

“ในฐานะที่อยู่ในวงการฟุตบอลมานานผ่านทั้งการทำทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย รวมถึงผ่าน การตกชั้นกับทีมการท่าเรือมาแล้ว ดังนั้น เป็นการ พิสูจน์ให้เห็นว่าตนมีความรักในวงการฟุตบอลจริงๆ และยืนยันว่าจะไม่เลิกทำทีมฟุตบอลอย่างแน่นอน”

นั่นคือวาทะที่เปล่งออกมาจากหญิงแกร่งที่หัวใจของเธอ “เบิ้มๆ” เพื่อวงการลูกหนังอย่างแท้จริง จากนี้ไปไม่ว่าจะมีปัญหา หรืออุปสรรคใด จะเข้ามาแผ้วพาน เชื่อว่าด้วยพลังของผู้บริหาร ทีมงาน นักเตะตลอดจนแฟนคลับของสิงห์เจ้าท่า การท่าเรือ เอฟซี คงจะผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น

และจากปรากฏดังกล่าวคงไม่มีอะไรที่จะกล่าวได้เท่ากับวลีที่ว่า “เชื่อแป้ง ยิ้มได้เมื่อภัยมา”
ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร

ooooooooooooo

ไม่ว่าผลการอุทธรณ์คำตัดสินกรณีหม้อแปลงระเบิดที่สนามแพท สเตเดียม จะออกมาเป็นอย่างไร?

ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “มาดามแป้ง” ยืนยันไม่มีการถอดใจหันหลังให้กับสโมสรการท่าเรืออันเป็นที่รักแน่นอน

บางครั้งนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในวงการฟุตบอลบ้านเรา

อย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง!!!

บี บางปะกง