หน้าแรกแกลเลอรี่

บอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 50...จะสัญจรไปที่ไหนดี?

บี บางปะกง

24 มิ.ย. 2567 14:56 น.

บอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 50...จะสัญจรไปที่ไหนดี?

หลังการตกรอบคัดเลือก ของทีมลูกหนังชาติไทย ในศึกฟุตบอลโลก 2026 โซนเอเชีย

ทำให้ตลอดปี 67 ในช่วงปฏิทิน “ฟีฟ่าเดย์” ทัพช้างศึกของเรา จะไม่มีทัวร์นาเมนต์ไหนให้ลงโม่แข้งกันอีก

โดยแข้งไทยชุดใหญ่ จะมีรายการสำคัญอีกครั้ง ในการป้องกันแชมป์ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนโน่นเลย

ซึ่งก่อนหน้านั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ วางแผนที่จะจัดฟุตบอลอุ่นเครื่อง International ‘A’ Match ในช่วงปฏิทินฟีฟ่าเดย์

กับ “ศึกลูกหนังชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50” ที่จะเชิญ 3 ชาติ เข้าร่วมโม่เกือกกับทีมชาติไทย ระหว่างวันที่ 7-15 ตุลาคม 2567

และปีนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่สมาคมฯ มีนโยบายจะนำถ้วยคิงส์คัพ สัญจรออกไปจัดแข่งขันในต่างจังหวัด

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ในพื้นที่ภูมิภาคนั้นๆ รวมทั้งส่งเสริมความนิยมของแฟนบอลภูธร ที่จะได้สัมผัสกับเกมฟาดแข้งระดับอินเตอร์กันจริงๆ

ซึ่งปีที่ผ่านๆ มา กระแสตอบรับประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง!

โดย ฟุตบอลคิงส์คัพ ได้สัญจรออกไปเตะมาแล้วเกือบทุกภาคทั่วประเทศ

เริ่มตั้งแต่ ศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 36 เมื่อปี 2548 ที่ล่องใต้ไปเตะกันหลังเหตุการณ์สึนามิ ที่ 3 จังหวัดชายฝั่งอันดามันทั้ง ภูเก็ต, พังงา และกระบี่

ตามด้วยภาคอีสาน ในศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 40 ปี 2550 กับครั้งที่ 43 ในปี 58 ที่นครราชสีมา

และฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ที่ไปโม่แข้งกันที่ช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ เมื่อปี 2562

ส่วนจังหวัดที่เป็นเจ้าภาพจัดลูกหนังคิงส์คัพ มากที่สุด คือ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม ที่สนามสมโภช 700 ปี ซึ่งจัดมาแล้วถึง 3 ครั้ง

ครั้งแรก คิงส์คัพ ครั้งที่ 42 เมื่อปี 2556 และสองหนล่าสุด คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 กับ 49 ในปี 65 และปีก่อน 2566

มาถึง ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ครึ่งร้อยพอดิบพอดี

โดย สมาคมฯ ได้เปิดรับสมัครจังหวัดที่สนใจ ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดศึกคิงส์คัพ ด้วยเงื่อนไขต้องมีความพร้อมพื้นฐานตามเกณฑ์ต่างๆ ของแมตช์นานาชาติ อาทิเช่น

- สนามแข่งขัน ห้องปฏิบัติการ และสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำของไทยลีก หรือ เอเอฟซี (เนื่องจากเป็นทัวร์นาเมนต์ 4 ทีม จะต้องมีสนามซ้อมอย่างน้อย 2 สนาม และห้องแต่งตัวของสนามแข่งขันอีก 4 ห้อง)

– ไฟส่องสว่างสนามแข่งขันที่ได้มาตรฐาน

– สนามซ้อมที่ได้มาตรฐาน

– ไฟส่องสว่างสนามซ้อม ที่ได้มาตรฐาน

– โรงแรม ในระดับ 4-5 ดาว และเพียงพอต่อการรองรับบุคลากรในส่วนต่างๆ ทั้งในเรื่องของทีมแข่งขัน, คณะผู้ตัดสิน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน

– อาหารนานาชาติ

– การเดินทางจากสนามบินนานาชาติ และสนามบินในประเทศ ที่ไม่ได้อยู่ห่างเกินไป

– บุคลากรจัดการแข่งขัน

สำหรับจังหวัดที่สนใจ ให้ส่งเอกสาร ยื่นความจำนง ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นี้ โดยสามารถส่งหนังสือมายังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หรือ E-mail ได้ที่ info@fathailand.org

ซึ่งภายหลังการประกาศ ก็มีข่าวว่ามีหลายจังหวัดสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพจัดศึกคิงส์คัพในครั้งนี้

ไม่ว่าจะเป็น “จังหวัดเชียงราย” โดยสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ของ “ประธานฮั่น” มิตติ ติยะไพรัช

ที่จะใช้ สิงห์ สเตเดียม หรือ ยูไนเต็ด สเตเดียม สังเวียนเหย้าของกว่างโซ้งมหาภัย ความจุ 12,000 ที่นั่ง เป็นที่ฟาดเกือก

ขณะที่ภาคใต้ ซึ่งกระแสเรียกร้องให้ลงมาจัดดูบ้างหลายปีแล้ว ก็มีข่าวว่า “จังหวัดสงขลา” เตรียมยื่นเสนอเช่นกัน

โดยมีจุดแข็งที่จะใช้ “สนามติณสูลานนท์” ที่ความจุปัจจุบัน อัปไปเป็น 4.5 หมื่นที่นั่งแล้ว เป็นสังเวียนแข่งขัน

และปีหน้าสนามแห่งนี้ ก็ถูกวางที่จะใช้จัดฟุตบอลกีฬาซีเกมส์ 2025 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพด้วย

ดังนั้นความพร้อมต่างๆ จึงหายห่วง

ที่สำคัญ กระแส “ฟีเวอร์” ของแฟนบอลชาวใต้ พร้อมอยู่แล้วที่จะออกมาเชียร์ทีมชาติไทย ชนิดสนามแตกอย่างแน่นอน

ส่วนจังหวัดในภาคอื่นๆ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ที่จะยื่นใบสมัคร

ก็ต้องมารอดูกันว่า สุดท้ายแล้ว บอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 50

จะสัญจรขึ้นเหนือ-ล่องใต้ หรือไปลงที่จังหวัดใด? ภาคไหน กันดี?

แต่ที่แน่ๆ “ไทยรัฐทีวี ช่อง 32” ยังคงถ่ายสด ให้ดูกันเหมือนเดิม ชัวร์ป้าบบ ที่สุด!!!

- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com