หน้าแรกแกลเลอรี่

หากเป็นรัฐบาล "พิธา" ลั่นทวงเจ้าซีเกมส์ ผงาดเอเชียนเกมส์ หนุน 2 สิ่งพัฒนา "กีฬาไทย"

ไทยรัฐออนไลน์

30 มิ.ย. 2566 12:44 น.

พิธา เผย 2 สิ่งแรกที่จะพัฒนากีฬาไทยหากเป็นรัฐบาล หวังนำความรู้สึกสมัยเป็นเจ้าซีเกมส์-ผงาดเอเชียนเกมส์ กลับคืนมา

วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ควันหลงหลังเกมวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ลีก 2023 สัปดาห์ที่ 3 นัดที่ 2 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ณ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก เมื่อคืนที่ผ่านมา โดย ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย อันดับ 14 ของโลก แพ้ ทีมชาติตุรกี อันดับ 6 ของโลก 0-3 เซต 15-25, 15-25, 20-25 หมดลุ้นเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายที่สหรัฐอเมริกา 12-16 กรกฎาคมนี้แน่นอนแล้ว

แมตช์นี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย ได้เดินทางมาชมการแข่งขันและให้กำลังใจทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยด้วย

หลังจบเกม ทิม พิธา ถูกสื่อมวลชนสัมภาษณ์เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับกีฬา นอกเหนือจากการมาเชียร์วอลเลย์บอลหญิงไทย ซึ่งหลังจากถูกยิงคำถามในประเด็นที่ว่าเวลานี้ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยไม่ได้เป็นเจ้าซีเกมส์ หรือเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียนแล้ว ก็ตอบว่าว่า "เราต้องเอากลับมาเป็นที่ 1 ให้ได้ เหมือนตอนผมเด็กๆ เราก็เป็นแชมป์ซีเกมส์ แชมป์อาเซียนมาโดยตลอด"

"แล้วก็ซีเกมส์เราก็เคยขึ้นอันดับสูงๆ ทั้งฟุตบอล ซึ่ง ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เคยยิงเกาหลีใต้ได้ (ในเอเชียนเกมส์ 1998 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ) ผมก็ยังจำได้อยู่ ก็จะเอาความรู้สึกแบบนั้นกลับมาให้ได้ ถือว่าเป็นความฝันส่วนตัวจากตอนเด็กๆ ที่เคยเห็นคนไทยทำได้ดี ก็เลยอยากจะทำให้ไทยกลับไปได้แชมป์ทั้งซีเกมส์ รวมถึงมีผลงานที่ดีในระดับเอเชียนเกมส์ให้มากที่สุด"

ส่วนมุมมองด้านกีฬากับความสำคัญต่อประเทศไทย ทิม พิธา ตอบว่า "แน่นอนว่ากีฬามีความสำคัญกับในเรื่องของสังคมและเศรษฐกิจด้วย แล้วก็เป็นเรื่องของความหวังของคนทั้งชาติ ถ้าเป็นรัฐบาลเมื่อไรก็อยากจะสนับสนุนให้มากกว่านี้"

"(2 สิ่งที่อยากพัฒนาวงการกีฬาไทย) ทั้งในเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา แล้วก็เรื่องรัฐสวัสดิการของกีฬา ผมเองตอนเด็กๆ ก็เคยตีสควอชกับผู้เล่นทีมชาติมาเยอะ ก็จะเห็นความแตกต่างกับชาติอื่น เช่น สิงคโปร์ พอเป็นนักกีฬาทีมชาติก็จะเป็นทีมชาติตลอดชีวิต แล้วก็มีโอกาสได้รับการดูแลชีวิตต่อเนื่อง"

"แต่นักกีฬาไทยก็จะกลับกัน แล้วเวลาลงพื้นที่ไปดูพวกโรงเรียนกีฬาเนี่ย มันก็ไม่ค่อยพร้อม ทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬา อาหาร การนวด การแช่น้ำร้อน น้ำเย็น ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยังต่างกันเยอะกับประเทศอื่นพอสมควร"