หน้าแรกแกลเลอรี่

จากน้าติ๊ก ถึง ศิษย์รัก

บี บางปะกง

24 มิ.ย. 2566 09:30 น.

จากน้าติ๊ก ถึง ศิษย์รัก 

เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!

ไอ้หนูนักเตะเยาวชนไทย 17 ปี ก็จะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ 

ตีตั๋วไปลุยฟุตบอลเยาวชนโลก รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ 

แม้ด่านที่ขวางหน้าอยู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกชิงแชมป์เอเชีย จะหนักหนาสาหัส สากรรจ์ 

เพราะเราต้องเจองานหิน กับ  แข้งพลังโสม เกาหลีใต้ 

แต่ฟุตบอลน็อกเอาต์ “โป้งเดียวจอด”แบบนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้

ดังนั้นในค่ำวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายนนี้ ถ้าใครมีเวลา เชิญแวะไปชมและเชียร์ให้กำลังใจน้องๆ ช้างศึกจูเนียร์

ที่ขอบสนามปทุมธานี สเตเดียม เวลา 21.00 น. ซึ่งแอป True ID จะถ่ายทอดสดกันเช่นเดิม

ต้องชื่นชมผลงานของแข้งช้างศึกจูเนียร์ชุดนี้จริงๆ ครับ 

พวกเขาเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยการเอาชนะ สปป.ลาว แบบหืดจับ 2-1 ชนิดต้องยิงประตูชัยในนาทีบาป 

จนหลายคนรุมวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่น และความฟิตที่ยังไม่ค่อยเข้าตาเท่าใดนัก 

ก่อนที่แมตช์ถัดมา น้องๆ ทุกคนจะเริ่มเข้าฝักมากขึ้น ถล่มเด็กเสือเหลือง มาเลเซีย ขาดลอย 3-0

และมาปิดท้ายรอบแรก ด้วยการเฉือนชนะเยเมน 1-0 

เก็บ 9 คะแนนเต็ม จากการคว้าชัย 3 นัดรวด เข้ารอบน็อกเอาต์ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มได้อย่างสวยงาม 

ซึ่งทั้งหมดต้องยกเครดิตให้คนเป็นกุนซือ อย่าง “โค้ชพิภพ อ่อนโม้” 

ที่แม้จะเข้ามารับงานทำทีมชาติในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรก 

แต่เจ้าตัวก็พิสูจน์ตัวเอง ว่ามี “กึ๋น”มากพอ ที่จะทำให้ลูกทีมมีลุ้นตั๋วบอลโลก ได้อย่างไม่อายใคร 

โดยงานนี้ ถ้า “โค้ชโม้” ทำภารกิจพาเด็กไทยไปเวิลด์คัพได้จริงๆ ละก็ 

เขาจะถูกจารึกทันทีว่า เป็นคนไทยหนึ่งเดียวที่ซิวโควตาบอลเยาวชนโลก 17 ปีได้สำเร็จ 

ทั้งตอนเป็น “นักเตะ” และเป็น “เฮดโค้ช” 

แม้ว่าอดีตการคว้าแชมป์เอเชียของเค้า จะไม่น่าจดจำเท่าใดนัก

เพราะทีมชาติชุดที่มี “โค้ชโม้” ร่วมเล่นอยู่ในตอนนั้น 

ถูกเปลี่ยนยกชุดตอนไปลุยบอลโลกที่นิวซีแลนด์ ด้วยข้อหา “เด็กดอง” 

นั่นจึงกลายเป็น ‘แผลในใจ’ ที่ยากจะลบเลือน ของลูกผู้ชายชื่อ “พิภพ อ่อนโม้” มาจนถึงทุกวันนี้

ซึ่งคนที่รู้เรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่เบื้องหน้ายันเบื้องหลัง ของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีก่อน 

จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “น้าติ๊ก” สมชาติ ยิ้มศิริ 

บรมกุนซือจอมเก๋าผู้พาทีมเยาวชนไทย ไปลุยเวิลด์คัพ ยู17 ที่แดนนกกีวี เมื่อปี 1999 

โดยผมได้มีโอกาสโทรคุยกับ “น้าติ๊ก” เมื่อวันก่อน 

แต่ไม่ได้ฟื้นฝอยหาตะเข็บถึงเหตุการณ์ในอดีตแต่อย่างใด 

น้าเองก็เช่นกัน มีแต่แสดงความยินดีและภาคภูมิใจ กับ “โค้ชโม้” ศิษย์รัก 

ที่วันนี้กำลังจะก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดเดียวกับที่ตัวเองเคยทำได้มาก่อน 

แสดงให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดา 

เพราะแม้จะเป็นโค้ชดาวรุ่งที่ชั่วโมงบินไม่มากนัก

แต่ก็มืความสามารถที่จะทำให้ลูกทีมก้าวไปสู่เป้าหมาย 

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดูดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกนัดที่ลงสนาม 

ซึ่งความจริง ถ้าจะให้ดีกว่านี้ 

ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรต้องหาคนที่มีประสบการณ์และมีศักยภาพมากพอ 

มาช่วยเป็นที่ปรึกษาของโค้ชพิภพในการทำทีมระยะยาว 

เพราะไม่ว่าครั้งนี้ เขาจะพาทีมไปบอลโลกได้หรือไม่ก็ตาม

ยังไง “โค้ชโม้” ก็น่าจะได้คุมทีมต่อเนื่องไป...เพื่ออนาคต  

โดยตนเชื่อมั่นว่าลูกศิษย์คนนี้...จะทำได้ดีแน่ๆ 

อย่างน้อยก็ดีกว่าจ้างทีมงานฝรั่งมังค่า...มาวางพื้นฐานให้ทีมชาติอย่างทุกวันนี้ 

ซึ่งกี่ปีมาแล้ว...ไม่เห็นมีผลงานอะไร? ที่เป็นรูปธรรมออกมาเลย 

พับผ่าเหอะ !!!  

- บี บางปะกง - 
          joggingboy_be@yahoo.com