บี บางปะกง
ผลงาน = ความเชื่อมั่น
ผลงานการอุ่นเครื่อง “ฟีฟ่าเดย์” ของทีมชาติไทยชุดใหญ่ และทีมช้างศึก ยู23 บนดินแดนอาหรับ ที่ผ่านมา
มีทั้งความเหมือน และความแตกต่างกัน อย่างชัดเจนครับ!
แข้งทีมพี่ของกุนซือฝรั่งหัวใจไทย “มาโน่ โพลกิง” ฟอร์มการเล่นเข้าตากรรมการ
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา คือ แพ้รวดทั้ง 2 นัด ให้กับทั้ง ซีเรีย 1-3 และเจ้าถิ่น ยูเออี 0-2
ส่วนทีมน้อง ที่มี “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร กุนซือ เมด อิน ไทยแลนด์ แท้ๆ
สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเกินคาด...ในศึกโดฮาคัพ
ทั้งที่ก่อนเดินทางไป เป็นม้านอกสายตา ที่ไม่มีใครตั้งความหวัง
แถมยังปรามาสอีกต่างหาก ว่าจะสู้ชาติอื่นเขาได้มั่งหรือเปล่า?
แต่ที่ไหนได้ ทีมช้างศึกจูเนียร์ชุดนี้ กลับรวมพลังฮึดสู้ ได้แบบประทับใจทั้ง 3 นัด
ด้วยการเสมอ ซาอุดีอาระเบีย 2-2, พลิกเฉือนเจ้าภาพ กาตาร์ 1-0
ก่อนจะมาพ่าย คูเวต อย่างสูสี 0-1
จบที่ “อันดับ 4” ของรายการอย่างน่าชื่นชม
ผิดกับคู่ต่อกรร่วมอาเซียน อย่าง เวียดนาม ที่มีกุนซือดัง อย่าง ฟิลิปต์ ทรุสซิเยร์ เป็นแม่ทัพ
ซึ่งผลงานน่าผิดหวังสุดๆ ได้อันดับบ๊วยจากทั้งหมด 10 ชาติอย่างเหลือเชื่อ
ทั้งที่เมื่อก่อน แข้งสกุลเหงียน ในยุค ปาร์ค ฮัง ซอ สร้างชื่อในเอเชียจากทีมยังเติร์กรุ่นนี้มาโดยตลอด
ก็ต้องขอปรบมือให้ฝีไม้ลาย “กึ๋น” ของ โค้ชอิสสระ ศรีทะโร
ที่พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานเชิงประจักษ์ ให้แฟนบอลชาวไทยได้เห็นแล้วว่า
โค้ชไทยรุ่นใหม่ ที่มีโปรไลเซนส์การันตี อย่างเขา
ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน!!
จากที่ตอนแรกหลายคนไม่เชื่อน้ำยา ว่าเจ้าตัวจะมีความสามารถมากพอ
ในการกุมบังเหียนทีมช้างศึกพลังหนุ่ม...ให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต
ซึ่งตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ต้องเรียนตามตรงว่าไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัว “โค้ชหระ” สักเท่าไร
และเคยเขียนแนะ “บิ๊กหยิม” ยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีมชาติ ยู23
ว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จ ให้เปลี่ยนโค้ชโดยด่วน ซะด้วยซำ้ไป!
แต่สิ่งที่ผมมอง มันกลับผิดไปถนัดครับ
เพราะ โค้ชอิสสระ ศรีทะโร ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนัก
จนสามารถดึงประสิทธิภาพของขุนพลช้างศึกชุดนี้
ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ดั่งที่พวกเราได้เห็นกัน
กลายเป็น “ความหวังใหม่” ของทีมชาติไทยในวันข้างหน้า
ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ซิวตั๋วโอลิมปิก และฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
ให้เป็นความจริงขึ้นมา โดยไม่ต้องเพ้อฝันกันอีก
สำหรับทัวร์นาเมนต์ต่อไป ของทีมชาติไทย ชุดเล็ก
คือการล่าเหรียญทอง ในศึกซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา ในช่วงกลางปีนี้
ต่อด้วย รอบคัดเลือก ยู23 ชิงแชมป์เอเชีย (AFC U23 ASIAN CUP QUALIFIERS) ช่วงปลายเดือนสิงหาคม
และฟุตบอลเอเชียนเกมส์ ในช่วงเดือนตุลาคม
โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ กีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส
ซึ่งจากผลงานในโดฮาคัพ ที่เพิ่งผ่านมา
ทำให้ “อะดรีนาลิน” ของทั้งผมและแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ
เริ่มหลั่งออกมาด้วยความหวัง (อีกครั้ง)
เพราะคนเป็นโค้ชที่คุมทีม..นี่แหละ
สร้าง “ความเชื่อมั่น” ให้เกิดขึ้นมา
ด้วยตัวของเค้าเอง !!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com