หน้าแรกแกลเลอรี่

เชียร์ช้างศึก...กันต่อ !!

บี บางปะกง

5 มิ.ย. 2565 07:43 น.

ภายหลังจบศึกฮานอยเกมส์ 2021คงจะเป็นอีกวาระหนึ่งที่ขุนพลช้างศึกทั้งชุดเล็กชุดใหญ่จะได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในเชิงลูกหนังระดับเอเชีย

ทั้งนี้เพราะทีมชาติไทยทั้งสองชุดมีคิวลงสนามดวลหัวเกือกกับคู่ต่อกรที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกมแห่งศักดิ์ศรีที่แฟนลูกหนังทั้งประเทศไม่อาจจะมองข้าม 

และที่น่าสนใจหากพิจารณาในแง่ของความยิ่งใหญ่และเกียรติภูมิของประเทศ สำหรับการสู้ศึกทั้งสองรายการที่ขุนพลนักเตะเลือดสยามเข้าร่วมนั้นดูเหมือนว่าจะยิ่งใหญ่กว่าซีเกมส์ด้วยซ้ำไป

และเหนืออื่นใดศึกดังกล่าวยังจะเป็นการพิสูจน์กึ๋นหรือฝีมือของหัวหน้าสตาฟฟ์โค้ช อย่าง “โค้ชโย่ง” และ “โค้ชนอกหัวใจไทย” มาโน โพลกิง อีกด้วยว่าเมื่อเข้าสู่สมรภูมิลูกหนังระดับเอเชียทั้งสองคนพอจะมีฝีมือหรือนำทัพไทยไปสู่เป้าหมายดังที่แฟนคลับหรือสาวกทั้งสยามคาดหวังและรอลิ้มรสแห่งความสุขกันได้มากน้อยแค่ไหน

สำหรับการดวลแข้งที่ต้องจับตารายการแรกคงต้องส่องหรือโฟกัสไปที่ขุนพลนักเตะยังเติร์กชุด ยู 23 ที่เข้าแข่งขันรายการชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้าย ที่อุซเบกิสถาน
 

ซึ่งการประเดิมหรือเปิดหัวกับคู่รักคู่แค้นอย่างนักเตะดาวทองเวียดนามนั้นจะเห็นได้ว่าหากมองในภาพรวม หรือฟอร์มการเล่นเด็กไทยมีโอกาสที่จะยัดเยียดความปราชัยหรือเก็บสามแต้มเหนือเจ้าของเหรียญทองฮานอยเกมส์เป็นปฐมฤกษ์ด้วยซ้ำไป 

แต่ก็ไม่เป็นดังใจหวัง ดีที่โกงตายมาได้แบบแฟนๆ ไม่ชอกช้ำหรือเจ็บกระดองใจ

การที่โดนนักเตะสกุลเหงียนส่องประตูตั้งแต่นาทีแรกรวมทั้งลูกสองที่ถูกยัดเข้าก้นตาข่ายนั้น ต้องยอมรับว่ามาจากความผิดพลาดในลักษณะเดิมๆ ที่ลูกทีม “โค้ชโย่ง” เคยลิ้มลองมาจากในเกมอุ่นแข้งที่ดูไบมาแล้ว

จากมิติดังกล่าวจะเป็นเพราะทำนบแตกเร็วจนนำไปสู่วาทะ “แผนแตก” จนตั้งหลักและปรับแท็กติกไม่ทันหรือไม่อย่างไรคงจะเป็นการบ้านและบทเรียนให้นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชต้องกลับไปแก้ไขกันต่อไป

เมื่อกล่าวถึงนักเตะ ยู 23 นั้นถ้าจะมองย้อนกลับไป ต้องยอมรับว่าหากดูจากผลงานก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นการอุ่นแข้งในรายการดูไบคัพที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือล่าสุดในซีเกมส์ หากไม่รวมกับการที่มีนักเตะรุ่นพี่เข้ามาร่วมประคองจะเห็นได้ว่าผลงานยังไม่ค่อยที่จะโดดเด่นมากนัก

ที่น่าสนใจหาเล็งไปที่คุณภาพของนักเตะเชื่อว่าขุนพลชุดนี้น่าเป็นหนึ่งในทีมที่สมบูรณ์แบบกว่าเมื่อคราวทำศึกในฮานอยเกมส์ 2021ด้วยซ้ำไป เพราะหากดูที่การผสมผสานของผู้เล่นที่จัดหนักจัดเต็มทั้งสายเลือดไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ผนึกกับสายเลือดผสมหรือแข้งนอกถือได้ว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

จากนักเตะชุดเล็กหันกลับมาที่ช้างศึกชุดใหญ่สำหรับการเข้าร่วมดวลแข้งในรายการเอเชียนคัพ 2023 รอบคัดเลือกระหว่างวันที่ 8-14 มิถุนายน 2565 กันบ้าง

ซึ่งก่อนทำศึกอย่างเป็นทางการนักเตะไทยภายใต้ขุนพลหน้าเก่าและหน้าใหม่ได้ลงอุ่นแข้งกับนักเตะต่างแดนสองนัด ซึ่งผลงานที่ชนะ1 และแพ้ 1 เชื่อว่าแฟนบอลคงมีโจทย์และการบ้านในใจที่จะส่งไปยังทีมงานสตาฟฟ์โค้ชกันหลากหลาย

หนึ่งในมิติที่พอจะวิพากษ์ในเบื้องต้นคงจะได้แก่ความคมของกองหน้าที่ดูเหมือนว่ายังไม่ลงตัวและไม่คมพอที่จะนำลูกหนังไปยัดประตูคู่ต่อกรแบบโป้งเดียวจอด แต่ในขณะเดียวกันรูปแบบการเล่นที่กองหลังและกองกลางรังสรรค์ออกมาก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สอบผ่าน

และก่อนที่ขุนพลชุดใหญ่จะลงสนามการฟาดแข้งอย่างเป็นทางการทีมงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสตาฟฟ์โค้ชหรือผู้จัดการทีมคงจะได้ทำการบ้านด้วยการถอดบทเรียนสู่การปฏิบัติด้วยการจับวางหรือจัดนักเตะในแต่ละตำแหน่งที่เห็นว่าเหมาะสมกับการทำศึกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

อย่างไรก็ตามวันนี้เมื่อเวลาของการทำศึกมาถึงเชื่อว่าเหล่านักเตะทั้งสองชุดคงเดินหน้าสำหรับสร้างผลงานและสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ และเหนืออื่นใดคือการสร้างรอยยิ้มและความสุขที่แฟนบอลทั้งประเทศรอสัมผัสและคาดหวัง

แต่ศึกนี้สำหรับ “นางฟ้าลูกหนัง” อย่าง มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ด้วยแล้วเชื่อว่าด้วยภาระเพื่อชาติและความหวังของแฟนบอลไม่ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาหรือมีขวากหนามอันใดมาขวางกั้นก็ตาม

เธอคงพร้อมและเต็มร้อยที่จะเอาบ่าอันน้อยนิดแบกรับความกดดันเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายที่ทุกคนคาดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรเสียศึกนี้คงต้อง “เชื่อแป้ง” ว่าเธอและเหล่าจอมทัพตลอดจนขุนศึกคงจะทำได้เช่นเดิม

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร

1 แต้มที่ได้มาจากเกมแรกกับเวียดนามอย่างฉิวเฉียด (ที่สุด)

ถือว่าล้ำค่ามาก กับการลุ้นเข้ารอบในอีก 2 เกมที่เหลือของทีมช้างศึก

หวังว่า “โค้ชโย่ง” จะนำจุดอ่อน จุดแข็งจากเกมแรก มาเติมเต็มให้ลูกทีมชาติไทย

ล้างตา เอาชนะเสือเหลือง มาเลเซีย ให้ได้ในค่ำคืนวันนี้นะครับ

ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน..ฉันใด

ชะตาของกุนซือชื่อ “วรวุฒิ ศรีมะฆะ”

ก็ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันนัดนี้...ฉันนั้น !!!  

- บี บางปะกง -