หน้าแรกแกลเลอรี่

ผลงานชิ้นโบแดง

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

2 มิ.ย. 2565 05:03 น.

ขุนพลช้างศึกจูเนียร์ชุด 23 ปี ไปปักหลักที่เมืองทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน เรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมลงฟาดแข้งศึกลูกหนังยู 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบสุดท้าย

ทัวร์นาเมนต์นี้ถือเป็นเกมสำคัญในการกู้วิกฤติศรัทธาของทีมชาติไทยหลังจากที่เพิ่งพลาดหวังในเกมอาเซียน “ซีเกมส์ครั้งที่ 31 เวียดนาม” โดยเฉพาะความล้มเหลวที่ชวดเหรียญทองทั้งทีมชายและหญิง

เป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงการบริหารงานที่ย่ำแย่ที่สุดของสมาคมลูกหนังในยุค “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

ยังดีที่ขุนพลโต๊ะเล็ก “ฟุตซอลทีมชาติไทย” ช่วยกู้หน้ากลับคืนมาได้ด้วยการคว้าเหรียญทอง มาทั้งทีมชายและหญิง จึงทำให้สถานการณ์ไม่หนักอย่างที่คิด

ทั้งที่ฟุตซอลนั้นถ้าจะพูดกันจริงๆ ที่ผ่านมาเปรียบเสมือนลูกเมียน้อยไม่ค่อยได้รับการดูแลอุปการะเท่าที่ควรจากสมาคมฟุตบอลเท่าไหร่

แต่ที่อดแปลกใจไม่ได้และเชื่อว่าบรรดาแฟนบอลก็คงจะงงเหมือนกันว่า “ประมุขลูกหนัง” ไม่รู้หายหน้าไปไหนไม่มีการออกมาแสดงความรับผิดชอบกับความล้มเหลวของทีมบอลชายหญิงที่พลาดหวังซีเกมส์หรือร่วมแสดงความยินดีกับทีมฟุตซอลที่ช่วยกู้หน้ามาได้

จนหลายคนสงสัยว่า “บิ๊กอ๊อด” ยังเป็นนายกสมาคมฟุตบอลอยู่หรือเปล่า เพราะระยะหลังเป็นเหมือนมนุษย์ล่องหนตัวหายเข้ากลีบเมฆนานเป็นเดือนแล้ว ก่อนการแข่งขันซีเกมส์ก็ไม่เห็นมีมาสร้างขวัญกำลังใจให้กับพลพรรคลูกหนังเลยแม้แต่น้อย

หนำซ้ำความวุ่นวายในเกมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกรวมถึงเรื่องโควตาไปเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ที่กำลังยุ่งเหยิงก็ไร้เงา “บิ๊กอ๊อด” ออกมาคอมเมนต์แต่อย่างใด

หรือนี่คือสัญญาณว่า “พล.ต.อ.สมยศ” จะถอดใจหันหลังให้กับวงการฟุตบอลจริงๆ

หากเป็นเช่นนั้นเชื่อว่าแฟนบอลคงจะโล่งอก เร่งจุดประทัดแก้บนเป็นการใหญ่ เพราะตั้งแต่ “บิ๊กอ๊อด” เข้ามากุมบังเหียนสมาคมลูกหนังไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมีแต่สาละวันเตี้ยลงตลอด ทั้งระบบของการจัดเกมภายในประเทศ

โดยเฉพาะผลงานทีมชาติไทยเหมือนว่าจะชัดเจนที่สุด

นึกแล้วก็อดเสียดายกับมูลค่าของเกมลูกหนังไทยลีกในยุคที่ผ่านมาเมื่อสมัยที่ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นั่งบัญชาการอยู่ไม่ได้ ช่วงนั้นต้องยอมรับว่ามูลค่าของลีกสูงสุดไทยมหาศาลของจริงในเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด

ชั่วโมงนั้นต้องยอมรับว่าบอลไทย “อู้ฟู่” ที่สุด

นักบอลหลายคนซื้อบ้านหลังโตๆ ออกรถป้ายแดงกันเป็นแถว เพราะเงินค่าตัวในแต่ละเดือนสูงลิ่วเนื่องจากเกมการแข่งขันได้รับความนิยมอย่างมาก ไล่ตั้งแต่ลีกภูมิภาคที่จัดตามต่างจังหวัดมีคนดูแน่นขนัดไม่เว้นแม้กระทั่ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เรียกว่ามีแต่ “เสียงเชียร์มากกว่าเสียงระเบิด”

ส่วนลีกสูงสุดโดยเฉพาะเกมคู่บิ๊กแมตช์หลายคู่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า ใครหวังซื้อหน้างานมีแต่แห้ว

แต่พอ “เปลี่ยนตัวนายกสมาคมฟุตบอล” ดูเหมือนกลับตาลปัตรทุกอย่างดิ่งลงเหวทันที รถป้ายแดงบ้านหลังโตๆของนักบอลทยอยเปลี่ยนสภาพให้มันเล็กลงกว่าเดิม

ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ “บิ๊กอ๊อด” จริงๆ

จากนี้คงต้องมองไปข้างหน้าว่าเมื่อครบเทอมของ “บิ๊กอ๊อด” แล้วจะมียื้อนั่งต่อไปหรือยอมลงแต่โดยดี คงต้องฝากอนาคตไว้กับประมุขคนใหม่ช่วยกู้วิกฤติบอลไทยให้ดีเหมือนเดิม

เฮ้อ!!!! กลุ้มใจแทนนักบอลและวงการลูกหนังไทยจริงๆ.

โจโจ้ซัง