ไทยรัฐออนไลน์
สื่อดังของอินโดนีเซียชี้ปัจจัย 4 ข้อที่จะช่วยให้เกิดปาฏิหาริย์ พลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์อาเซียนคัพปาดหน้าทีมชาติไทย
วันที่ 1 ม.ค. 64 โบลา (Bola) สื่อกีฬาชื่อดังแห่งแดนอิเหนาเผยแพร่บทความ "4 ปัจจัยสำคัญสำหรับทีมชาติอินโดนีเซียกับการคัมแบ็กอย่างยิ่งใหญ่ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2" ก่อนเกมพบ ทีมชาติไทย ที่ประเทศสิงคโปร์ในวันนี้ หลังจากแพ้มาก่อนถึง 0-4 ในเกมแรก ทำให้โอกาสลุ้นแชมป์สมัยแรกแทบริบหรี่
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวได้วิเคราะห์ 4 เหตุผลที่จะช่วยให้ ทีมชาติอินโดนีเซีย สร้างปาฏิหาริย์กลับมาเป็นแชมป์เหนือ ทีมชาติไทย เอาไว้ดังนี้
1. อินโดนีเซีย ยิงประตูมากที่สุดในรายการนี้
ขุนพล "อิเหนา" คือทีมที่ทำประตูได้มากที่สุดในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนหนนี้ จากการซัดไปแล้ว 18 ลูก มากกว่า "ช้างศึก" 2 ประตู โดยมี อิรฟาน จายา กองหน้าตัวจี๊ดเป็นดาวซัลโวประจำทีมจากผลงาน 3 ลูก และตัวริมเส้นอย่าง วิตัน ซูเลมาน กับ ปราตามา อาร์ฮาน ก็บวกอีกคนละ 2 ประตู
ไม่เพียงเท่านั้น อินโดนีเซีย ยังมีนักเตะที่ทำประตูได้รวมกันถึง 10 คน มากที่สุดในรายการนี้เช่นกัน ซึ่งคนที่เหลือประกอบด้วย เอวาน ดิมาส, รัคมัต อีร์ยานโต, เอซรา วาเลียน (คนละ 2 ประตู) และ อัสนาวี มังกูอาลัม, เอกี เมาลานา, เอลคาน แบกกอตต์, ราไม รูมากีค (คนละ 1 ประตู) ส่วนอีก 1 ลูกมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ ชาวัล อานัวร์ (สิงคโปร์)
2. ทีเด็ดจาก 3 ผู้เล่นแดนกลาง
เกมรุกของ อินโดนีเซีย มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การสอดเข้าไปลุ้นทำประตูจากผู้เล่นแถวสอง โดยมี 3 ตัวจักรสำคัญ คือ อิรฟาน จายา, วิตัน ซูเลมาน 2 ตัวริมเส้นที่โฉบเข้าไปหาจังหวะจบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และ ริคกี กัมบัวยา ที่เป็นตัวจ่ายบอลทะลุช่องให้เพื่อนร่วมทีมลุ้นเจาะตาข่าย ทั้งบอลสั้นและบอลยาว ซึ่ง กัมบัวยา ทำไป 1 แอสซิสต์ และจ่ายบอลในจังหวะชี้เป็นชี้ตายได้ถึง 7 ครั้ง
3. ชิน แต ยอง กล้าที่จะเปลี่ยนแผนการเล่น
กุนซือชาวเกาหลีใต้ พร้อมปรับแท็กติกและแผนการเล่นให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ แม้รู้ดีว่ามาตรฐานของผู้เล่นทีมชาติอินโดนีเซียจะยังสู้ทีมชาติไทยไม่ได้ก็ตาม แต่ที่ผ่านมาใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ชิน แต ยอง เคยใช้ทั้งระบบ 4-1-4-1, 5-4-1 และ 4-2-3-1 ซึ่งแผนหลังสุด เขากล้าที่จะดัน อัลเฟอันดรา เดวังกา จากกองหลังขึ้นไปเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับคู่กับ รัคมัต อีร์ยานโต เพื่อช่วยตัดเกมตรงกลางของคู่แข่ง
แต่ด้วยช่องว่างของสกอร์ที่ตามหลังถึง 0-4 คาดว่าเกมนี้ ชิน แต ยอง อาจเปิดเกมรุกแลกหมัด ทีมชาติไทย ตั้งแต่ต้นด้วยการปรับมาเล่นระบบ 4-3-3 เนื่องจากตอนนี้ อินโดนีเซีย อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงอาจเห็นการทุ่มหมดหน้าตักของอดีตกุนซือทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดฟุตบอลโลก 2018 ก็ได้
4. ให้โอกาส 3 ไพ่ตายได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง
ที่ผ่านมา ชิน แต ยอง มักจะเก็บผู้เล่นคุณภาพดีอย่าง เอกี เมาลานา ปีกตัวแสบของทีมชาติไทย, เอวาน ดิมาส กองกลางกัปตันทีม และ เอลคาน แบกกอตต์ กองหลังร่างยักษ์ไว้เป็นตัวสำรองเปลี่ยนเกมเสียส่วนใหญ่
ในรายของ เอกี เมาลานา เพิ่งตามมาสมทบในรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 จาก เอฟเค เซนิกา ทีมในลีกสูงสุดสโลวะเกีย จึงเป็นได้เพียงตัวสำรองในครึ่งหลัง 2 นัดหลังสุด แต่ก็ยังมีชื่อทำประตูแล้ว 1 ลูก ขณะที่ เอวาน ดิมาส ก็เป็น 11 คนแรกแค่ 2 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ลงมาเป็นตัวเปลี่ยนถึง 5 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เขายังทำได้ 2 ประตู
ส่วน เอลคาน แบกกอตต์ ก็ลงเป็นตัวสำรองทั้ง 5 เกมที่มีชื่อ แต่ก็ทำไป 1 ประตูเช่นกัน ซึ่งเขาเคยถูก ชิน แต ยอง ดันไปเล่นกองหน้าจำเป็นในรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ช่วงที่ตามหลัง สิงคโปร์ ที่เหลือ 9 คนอยู่ 1-2 เพื่อกดดันลูกกลางอากาศจากส่วนสูง 197 เซนติเมตรของเจ้าตัว ก่อนชนะ 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งหาก อินโดนีเซีย เข้าตาจนอาจได้เห็นเขาเป็นตัวทีเด็ดจากลูกเซตพีซ หรือขึ้นไปยืนค้ำแดนหน้าอีก
ทีมชาติไทย จะพบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ในรอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 วันนี้ 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7HD และ AIS PLAY